ผลสำเร็จของระบบการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพโดยชุมชน
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2017.27คำสำคัญ:
ผลสำเร็จ, ระบบการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพ, การเสริมสร้างพลังบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองชนิดกลุ่มเดียว วัดก่อนและหลังดำเนินการ (quasi–experimental, one group pretest-posttest design ) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสำเร็จของการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพโดยชุมชน กลุ่มตัวอย่างคือ (1) แกนนำชุมชน จำนวน 28 คน ซึ่งคัดเลือกโดยวิธีเจาะจง และ (2) ตัวแทนครัวเรือนที่แกนนำชุมชนกำหนดเป็นเป้าหมาย จำนวน 446 คน เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย (1) หลักสูตรการเสริมสร้างพลังและคู่มือปฏิบัติตัวป้องกันโรคและภัยสุขภาพ (2) แบบสอบถามทักษะการสื่อสารและภาวะผู้นำ สำหรับประเมินศักยภาพของแกนนำชุมชน และ (3) แบบสอบถามความรู้ การรับรู้ การปฏิบัติตนในการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพของประชาชน ตัวแทนครัวเรือน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา และ paired t-test เปรียบเทียบผลก่อนและหลังดำเนินการ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มแกนนำชุมชนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 50-59 ปี ร้อยละ 53.50 อาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 67.86 รายได้มากกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 53.60 ภายหลังการเสริมสร้างพลังตามขั้นตอนแล้ว แกนนำชุมชนมีทักษะการสื่อสารและภาวะผู้นำ เรื่องการป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการสร้างพลัง (ค่า mean+SD, 21.1+2.87, 12.00+3.04, 17.7+0.64, และ 12.50+2.35, ตามลำดับ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) สำหรับกลุ่มตัวแทนครัวเรือน 446 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 55.80, อายุเฉลี่ย 50-59 ปี ร้อยละ 23.81 อาชีพเกษตรกรรมร้อยละ 39.46 มีรายได้น้อยกว่า 5,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 47.58 กลุ่มตัวแทนครัวเรือนมีความรู้เรื่องโรคและภัยสุขภาพ การรับรู้เกี่ยวกับความรุนแรงของโรค รับรู้ประโยชน์ของการปฏิบัติตามคำแนะนำ และอุปสรรคในการป้องกันโรค การปฏิบัติตัวป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ สูงกว่าก่อนการสร้างพลังอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) รวมทั้งแกนนำชุมชนร่วมกันจัดพัฒนาระบบเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพของชุมชนขึ้นในรูปคณะกรรมการ มีการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันโรคและภัยสุขภาพ โดยประชาสัมพันธ์ กำหนดแนวทางสื่อสารข้อมูลข่าวสารภายในชุมชนอย่างเป็นระบบ ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัยครั้งนี้ ภาครัฐควรสนับสนุนให้เกิดการพัฒนารูปแบบระบบการเฝ้าระวังโรคโดยภาคประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง ยึดหลักการสร้างเสริมพลังให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง ให้มีความรู้ ทักษะในการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการพัฒนาภาวะผู้นำ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. สรุปผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมการป้องกันโรคและภัยสุขภาพ (แบบเร่งด่วน) นนทบุรี: 2 Talents; 2550.
3. Rosenstock IM. The Health Belief Model and Prevention Health Behavior. Health Education quarterly 1988;15:379-94.
4. คณะกรรมการป้องกันและควบคุมโรคและภัยสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการปฏิบัติงานโรคและภัยสุขภาพสำหรับบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2548.
5. เมธี จันท์จารุภรณ์, เพียงพร กันหารี, วรารัตน์ กิจพจน์. รายงานการวิจัยเรื่องพฤติกรรมการป้องกันโรคและภัยสุขภาพของสมาชิกชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขภาคกลาง. นนทบุรี: สหมิตรพริ้นติ้ง; 2555.
6. Chaoniyom W, Suwannapong N, Howteerakul N, Pacheun O. Strengthening capability of Family Health The Leadership for Sustainable Community-Based Health Promotion. Southeast Asian J Trop Med Public Health 2005;36:1039-47.
7. ไพโรจน์ พรหมพันใจ, ธีระวุธ ธรรมกุล, พรรณรัตน์ เป็นสุข. ประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาทักษะการบริหารงานให้แก่แกนนำระดับอำเภอในการป้องกันไข้เลือดออก ในเขตพื้นที่บริการที่ 9. วารสารควบคุมโรค 2556:39:194-203.
8. E Richard Brown. Community action for health promotion: A strategy to empower individuals and communities. Int J Health Serv 1991;21: 441-56.
9. Suwannapong N, Howteerakul N, Boonshuyar C, Chaoniyom W. Alliance model for health promotion in the community. กรุงเทพมหานคร: ศรีทองคำการพิมพ์; 2006.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


