ผลการรักษาของผู้เข้าโครงการการปรับปรุงการเข้าถึงระบบบริการการดูแลรักษา ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ และการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ในประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • ชีวนันท์ เลิศพิริยสุวัฒน์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค
  • พรทิพย์ ยุกตานนท์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค
  • ศรีลัย เรืองชัย สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค

DOI:

https://doi.org/10.14456/dcj.2017.26

คำสำคัญ:

ผลการรักษา, การรักษาด้วยยาต้านไวรัส, เอชไอวี/เอดส์

บทคัดย่อ

โครงการการเข้าถึงระบบบริการยาต้านไวรัสระดับชาติ สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ (NAPHA) ได้เริ่มในปี พ.ศ. 2547 เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาต้านไวรัสเพิ่มขึ้น และได้ขยายโครงการในปี พ.ศ. 2549 ชื่อโครงการ NAPHA Extension โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงสิทธิระบบประกันสุขภาพ การศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการรักษาของผู้เข้าโครงการ NAPHA Extension เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิจากฐานข้อมูลการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ป่วยเอดส์ในโครงการ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2549 จนถึง 30 กันยายน 2558 ซึ่งไม่รวมประชากรที่อายุน้อยกว่า 15 ปี และประชากรที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงที่มารับยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก ผลการศึกษาพบว่า มีผู้ป่วยลงทะเบียนสะสมในโครงการทั้งสิ้น 7,026 ราย ในจำนวนนี้เป็นเพศหญิงร้อยละ 52.4 เพศชายร้อยละ 47.6 มีอายุเฉลี่ย 35 ปี (SD = 8.4) เป็นประชากรข้ามชาติร้อยละ 61.7 และร้อยละ 70.3 ของผู้ที่ยังไม่เคยกินยาต้านไวรัสมาก่อน มีระดับ CD4 เมื่อแรกเข้าโครงการ <200 cells/mm3 อัตราความครอบคลุมของการตรวจหาปริมาณระดับไวรัสในกระแสเลือด (VL) เพื่อประเมินผลการรักษาในหนึ่งปีแรกหลังเริ่มยาต้านไวรัส เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 3.9 ของผู้ป่วยในปี 2549 เป็นร้อยละ 30.2 ในปี 2557 และสัดส่วนของผู้ป่วยที่สามารถกดระดับ VL <50 copies/ml เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 75.0 ในปี 2549 เป็นร้อยละ 84.3 ในปี 2557 อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 4.0 ในปี 2558 สำหรับอัตราการขาดการติดตามการรักษา >90 วัน หลังวันนัดครั้งสุดท้าย มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 5.3 ในปี 2549 เป็นร้อยละ 50.5 ในปี 2558 สรุปได้ว่า ประสิทธิผลของการรักษาผู้ป่วยในช่วงหนึ่งปีแรกหลังเริ่มยามีแนวโน้มดีขึ้น แต่ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาช้า มีการขาดการติดตามการรักษาเพิ่มขึ้น และความครอบคลุมของการจัดบริการตรวจ VL ยังคงต่ำ คณะผู้วิจัยให้ข้อเสนอแนะว่า ควรส่งเสริมให้ผู้ป่วยรู้สถานะการติดเชื้อเอชไอวี โดยเร็ว และเริ่มการรักษาด้วยยาต้านไวรัสทันที ควรพัฒนาคุณภาพการจัดบริการ เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของการให้บริการตรวจ VL และเพิ่มการให้คำปรึกษาและติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการออกจากโครงการ

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. Thanprasertsuk S, Lertpiriyasuwat C, Chasombat S. Developing a national antiretroviral programme for people with HIV/AIDS: the experience of Thailand. In: Jai P Narain, editor. AIDS in Asia: the challenge ahead. New Delhi: SAGE Publications India Pvt; 2004. p. 312-22.

2. Chasombat S, Lertpiriyasuwat C, Thanprasertsuk S, Suebsaeng L, Lo YR. The National Access to Antiretroviral Program for PHA (NAPHA) in Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health 2006;37:704-15.

3. Lolekha R, Chunwimaleung S, Hansudewechakul R, Leawsrisook P, Prasitsuebsai W, Srisamang P, et al. Pediatric HIVQUAL-T: measuring and improving the quality of pediatric HIV care in Thailand, 2005-2007. Joint Commission Journal on Quality and Patient Safety 2010;36:541-51.

4. McConnell MS, Chasombat S, Siangphoe U, Yuktanont P, Lolekha R, Pattarapayoon N, et al. National program scale-up and patient outcomes in a pediatric antiretroviral treatment program, Thailand, 2000-2007. J Acquir Immune Defic Syndr 2010;54:423-9.

5. กรมควบคุมโรค, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. ระบบบริการข้อมูลสารสนเทศ การให้บริการผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 9 พ.ย. 2559]. แหล่งข้อมูล: http://napdl.nhso.go.th/NAPPWebReport/jsp/new_home.jsp

6. กลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. หนังสือกลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ สธ 0424.4/7/GF2195 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2549 เรื่อง ขออนุมัติโครงการการปรับปรุงการเข้าถึงบริการการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ และการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ ปีที่ 3 (1 ตุลาคม 2548-30 กันยายน 2549) และแผนดำเนินงานโครงการ.

7. สมบัติ แทนประเสริฐสุข, สัญชัย ชาสมบัติ, พรทิพย์ ยุกตานนท์, ณัฐพร ก้องสกุลไกร, กมล เกษธรรม. โครงการปรับปรุงการเข้าถึงระบบบริการการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ และการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ในประเทศไทย สำหรับผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงสิทธิ และผู้ป่วยที่อยู่นอกสิทธิระบบประกันสุขภาพ. วารสารควบคุมโรค 2555; 38:97-108.

8. สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. โครงการกองทุนโลก ด้านการดูแลรักษา [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 30 ต.ค. 2559]. แหล่งข้อมูล: http://www.gfaidscare.com/naphax/

9. กองระบาดวิทยา สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. นิยามผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ติดเชื้อเอดส์ที่มีอาการที่ใช้ในการเฝ้าระวังโรค. กรุงเทพมหานคร: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2536.

10. สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. แนวทางการตรวจรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ประเทศไทย ปี 2557. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2557.

11. World Health Organization. Consolidated guidelines on the use of antiretroviral drugs for treating and preventing HIV infection: recommendations for a public health approach. Geneva: World Health Organization; 2013.

12. UNAIDS. 90–90–90 An ambitious treatment target to help end the AIDS epidemic [Internet]. [cited 2016 Nov 15]. Available from: http://www.unaids.org/en/ resources/documents/2014/90-90-90

13. กรมควบคุมโรค, สำ นักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. รายงานผลการดำเนินงาน Global AIDS Response Progress Reporting: การรักษาและติดตามผลการให้บริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 9 พ.ย. 2559]. แหล่งข้อมูล: http://napdl.nhso.go.th/NAPPWebReport/report/new_report_garp4.jsp

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

28-04-2017

รูปแบบการอ้างอิง

1.
เลิศพิริยสุวัฒน์ ช, ยุกตานนท์ พ, เรืองชัย ศ. ผลการรักษาของผู้เข้าโครงการการปรับปรุงการเข้าถึงระบบบริการการดูแลรักษา ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ และการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ในประเทศไทย. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 28 เมษายน 2017 [อ้างถึง 29 ธันวาคม 2025];43(2):158-71. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/149986

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ