ผลการปฏิบัติตามนโยบายการรักษาวัณโรค แบบพักรักษาตัวในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยวัณโรคเสมหะพบเชื้อ : กรณีศึกษาพื้นที่สาธารณสุขเขต 18
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2018.7คำสำคัญ:
นโยบายการรักษาวัณโรคแบบพักรักษาตัวในโรงพยาบาล, ความรู้ ทัศนคติ การปฏิบัติตัว, อัตราเสมหะกลับเป็นลบ, พื้นที่สาธารณสุขเขต 18บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการปฏิบัติตามนโยบายการรักษาวัณโรคแบบพักรักษาตัวในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยวัณโรคเสมหะพบเชื้อ ในพื้นที่สาธารณสุขเขต 18 (เขตรับผิดชอบของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 จังหวัดนครสวรรค์ (ชื่อเดิม สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์) โดยเปรียบเทียบความรู้เรื่องวัณโรค ทัศนคติต่อการรักษาแบบพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยก่อนและหลังการรักษาแบบพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วย และประเมินอัตราเสมหะกลับเป็นลบ เมื่อสิ้นสุดการรักษาระยะเข้มข้น ตลอดจนสัมภาษณ์พยาบาลซึ่งดูแลผู้ป่วยวัณโรคที่ตึกผู้ป่วยใน และเจ้าหน้าที่คลินิกวัณโรค ประชากรศึกษาคือผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่เสมหะพบเชื้อ ซึ่งขึ้นทะเบียนรักษา ณ โรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตรและอุทัยธานี ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2552 และได้รับการรักษาแบบเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งผู้ป่วยได้รับ ความรู้เรื่องวัณโรคตั้งแต่ก่อนเริ่มการรักษา ระหว่างการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล มีพยาบาลตึกผู้ป่วยกำกับการกินยาทุกมื้อ และเจ้าหน้าที่คลินิกวัณโรคเยี่ยมผู้ป่วยทุกวัน มีทีมวิจัยสุ่มเยี่ยมเพื่อติดตามการรักษา และอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ผู้ป่วยได้รับความรู้พร้อมญาติก่อนการจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล หลังการจำหน่ายเป็นผู้ป่วยนอก มีเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เป็นพี่เลี้ยงกำกับการกินยา กรณี อสม. เป็นพี่เลี้ยง มีการเยี่ยมบ้านโดยเจ้าหน้าที่คลินิกวัณโรคทุกสัปดาห์ จนครบ 2 เดือน มีการสุ่มเยี่ยมบ้านโดยทีมวิจัย ผลการศึกษาพบว่า มีผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่เสมหะพบเชื้อ 78 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 69.2 อายุระหว่าง 55-64 ปี อายุเฉลี่ย 52.7 ปี อาชีพรับจ้าง และรายได้ระหว่าง 1,000-4,999 บาท/เดือน ได้รับการรักษาแบบเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 47.4) อยู่โรงพยาบาล 8-14 วัน รองลงมาเป็น ร้อยละ 30.8 อยู่โรงพยาบาลนาน 15-21 วัน และร้อยละ 20.5 อยู่โรงพยาบาลนาน 1-7 วัน คะแนนเฉลี่ยของความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตัวหลังการรักษา สูงกว่าก่อนการรักษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (paired t-test p-value 0.000, 0.000 และ 0.019 ตามลำดับ) ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความพึงพอใจระดับมากในทุกประเด็น ยกเว้นเรื่องอาหารและระยะเวลาของการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล อัตราเสมหะกลับเป็นลบเมื่อสิ้นสุดการรักษาระยะเข้มข้น (ร้อยละ 87.2) สูงกว่าค่าเป้าหมาย ในมุมมองของพยาบาลและเจ้าหน้าที่คลินิกวัณโรค นโยบายฯ มีประโยชน์ต่อผู้ป่วย เนื่องจากได้รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ มีการเฝ้าระวังและดูแลรักษาอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาอย่างใกล้ชิด มีการดูแลภาวะแทรกซ้อน ญาติได้รับความรู้ แต่การเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นการเพิ่มภาระงานและค่าใช้จ่ายต่อโรงพยาบาลและญาติ เพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล ควรคัดเลือกเฉพาะผู้ป่วยบางราย และควรพิจารณาทางเลือกอื่นๆ เช่น การเยี่ยมบ้าน การดูแลโดยชุมชน
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. World Health Organization. Global tuberculosis control 2008: surveillance, planning, financing. Geneva: World Health Organization; 2008.
3. ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์. สาธารณสุขกับปีแห่งการ เร่งรัดวัณโรคของไทย. กรุงเทพมหานคร: สำนักวัณโรค; 2552.
4. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 จังหวัดนครสวรรค์. วิเคราะห์สถานการณ์วัณโรค 2549-2551. นครสวรรค์: สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 จังหวัดนครสวรรค์; 2552.
5. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลการดำเนินงานควบคุมวัณโรคของประเทศไทย ปีงบประมาณ 2549-2550. กรุงเทพมหานคร: สำนัก วัณโรค; 2553.
6. ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์. สถานการณ์วัณโรคของประเทศไทยและแนวทางแก้ไข. วารสารวัณโรค โรคทรวงอกและเวชบำบัดวิกฤต 2551;29:169.
7. กองวัณโรค กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข. แนวปฏิบัติเพื่อสนองนโยบายสาธารณสุข ในการควบคุมวัณโรค ตามแนวทางใหม่ของประเทศไทย และ บทบาทหน้าที่ของหน่วยงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในระดับเขตและจังหวัด. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2541.
8. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. Training module for management of tuberculosis. กรุงเทพมหานคร: สำนักวัณโรค; 2553.
9. Baussano I, Nunn P, Williams B, Pivetta E, Bugiani M, Scano F. Tuberculosis among health care workers. Emerg Infect Dis 2011;17:488-94.
10. Bolyard EA, Tablan OC, Williams WW, Pearson ML, Shapiro CN, Deitchman SD, et al. Guide¬line for infection control in health care personal, 1998 [Internet]. [cited 2010 Oct 8]. Available from: http://www.cdc.gov/hicpac/pdf/Infect¬Control98.pdf
11. Centers for Disease Control and Prevention. The difference between latent TB infection and TB disease [Internet]. [cited 2011 Nov 4]. Available from: http://www.cdc.gov/tb/publications/ factsheets/general/LTBIandActiveTB.htm
12. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการดำเนินงานควบคุมวัณโรคแห่งชาติ พ.ศ. 2556. กรุงเทพมหานคร: องค์การสงเคราะห์ ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์; 2556.
13. World Health Organization. What is DOTS: a guide to understanding the WHO-recommended TB control Strategy know as DOTS. Geneva: World Health rganization; 1999.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


