คุณภาพการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวี สถาบันบำราศนราดูร

ผู้แต่ง

  • ชาญชัย อาจสอน นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
  • รัชนี นามจันทรา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
  • นิภา กิมสูงเนิน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

DOI:

https://doi.org/10.14456/dcj.2018.26

คำสำคัญ:

คุณภาพการดูแล, คุณภาพการดูแลเชิงกระบวนการ, คุณภาพการดูแลเชิงผลลัพธ์, ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่ได้รับยาต้านไวรัส

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา เพื่อศึกษาคุณภาพเชิงกระบวนการและเชิงผลลัพธ์ ในการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่ได้รับยาต้านไวรัส กลุ่มตัวอย่างเป็นเวชระเบียนของผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่ได้รับยาต้านไวรัสรายใหม่ ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 ถึง เดือนกันยายน พ.ศ. 2559 ที่สถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี เลือกแบบสุ่มอย่างง่ายจากเลขทะเบียนผู้ป่วย จำนวน 249 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลทั่วไป แบบบันทึกคุณภาพการดูแลเชิงกระบวนการ และแบบบันทึกคุณภาพการดูแลเชิงผลลัพธ์ เก็บข้อมูลจากบันทึกในเวชระเบียน และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา Friedman test และ Wilcoxon-signed rank test ผลการศึกษาคุณภาพการดูแลเชิงกระบวนการพบว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ได้รับความรู้และคำปรึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการกินยาต้านไวรัส ร้อยละ 85.7 และ 100 ได้รับคำแนะนำเรื่องการเปิดเผยผลเลือดกับคู่นอนประจำและการวางแผนครอบครัว ร้อยละ 53.0 และ 39.4 ตามลำดับ ส่วนการดูแลขณะได้รับยาต้านไวรัส ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ได้รับการประเมินและติดตามการกินยาต้านไวรัสสม่ำเสมอ ร้อยละ 95.2 ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการกินยาต้านไวรัส ร้อยละ 78.8 ได้รับการคัดกรองโรคติดเชื้อฉวยโอกาส โรคร่วม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 98.0 ร้อยละ 97.6 และ 95.2 ตามลำดับ ได้รับการประเมินพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และได้รับการให้ข้อมูลเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ร้อยละ 94.8 และ 94.0 ตามลำดับ ได้รับการประเมินพฤติกรรมการดื่มสุรา สูบบุหรี่ และการใช้สารเสพติดครบทุกครั้ง ร้อยละ 53.8 และ 0.8 ตามลำดับ ได้รับการประเมินและส่งปรึกษาปัญหาสุขภาพครบทุกครั้ง ร้อยละ 90.8 และ 100 ตามลำดับ มีการติดตามระดับ CD4 ทุก 6 เดือน และการติดตามระดับ VL ปีละครั้ง ร้อยละ 90.0 และ 35.7 ตามลำดับ สำหรับคุณภาพการดูแลเชิงผลลัพธ์พบว่า กลุ่มตัวอย่างกินยาต้านไวรัสสม่ำเสมอ ร้อยละ 91.2 กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการประเมินว่า มีความสม่ำเสมอในการกินยาต้านไวรัส ≥95% ทุกครั้ง คิดเป็นร้อยละ 55.8 การมาตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอทุกครั้ง ร้อยละ 47.0 และตรวจพบเชื้อดื้อยา ร้อยละ 8.4 ระดับ CD4 หลังได้รับยาต้านไวรัส มีค่าสูงกว่าก่อนได้รับยาต้านไวรัสอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และการติดตามระดับ viral load พบว่ามีค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการวิจัยให้ข้อเสนอแนะการพัฒนาระบบการดูแลให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่ได้รับยาต้านไวรัส มาตรวจตามนัด และได้รับการตรวจติดตามประสิทธิผลของการรักษาตามกำหนด

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

1. World Health Organization. Data and statistics [Internet]. 2016 [cited 2017 Sep 15]. Available from: http://www.who.int/hiv/data/en/

2. World Health Organization. Data and statistics [Internet]. 2017 [cited 2018 Jan 10]. Available from: http://www.who.int/hiv/data/en/

3. สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2560 [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [สืบค้นเมื่อ 10 ม.ค. 2561]. แหล่งข้อมูล: http://www.boe.moph.go.th/report.php?cat=19

4. สุคนธา คงศีล, สุขุม เจียมตน, กนกศักดิ์ วงศ์เป็ง, เพชรัตน์ ศิริสุวรรณ, วรรณี ชัยศิริเพ็ญภาค, อุษา โถหินัง, และคณะ. โครงการผลลัพธ์ทางสุขภาพจากการให้ยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบบริการสุขภาพในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย; 2553.

5. ศูนย์พัฒนาระบบบริการยาต้านไวรัสสําหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย กรมควบคุมโรค. แนวทางการตรวจวินิจฉัยและการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ระดับชาติ ปี พ.ศ. 2557. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2557.

6. สถาบันบำราศนราดูร. รายงานประจำปีสถาบันบำราศนราดูร 2554. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2555.

7. จุฑาภรณ์ กัญญาคำ, ธนนรรจ์ รัตนโชติพานิช, อรอนงค์ วลีขจรเลิศ, เบญจพร ศิลารักษ์. คุณภาพบริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ : กรณีศึกษาในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดร้อยเอ็ด. การประชุมวิชาการและการนำเสนอผลงานระดับชาติ the 4th annual northeast pharmacy research conference of 2012: Pharmacy profession in harmony; วันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ขอนแก่น: คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2555.

8. อุดม กรมโยธา. การประเมินคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ด้วยโปรแกรม HIVQual-T โรงพยาบาลระนอง จังหวัดระนอง ปีงบประมาณ 2558. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้ 2559;3:70-84.

9. Donabedian A. The quality of care: How can it be assessed?. JAMA 1988;260:1743-8.

10. สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค. ตัวชี้วัดของ HIVQUAL-T เวอร์ชั่น 5 [อินเทอร์เน็ต]. 2553 [สืบค้นเมื่อ 5 ก.ค. 2560]. แหล่งข้อมูล: http://www.cqihiv.com/Indicators.aspx

11. Rehm J, Probst C, Shield KD, Shuper PA. Dose alcohol use have a causal effect on HIV incidence and disease progression? A review of the literature and modelling strategy for quantifying the effect. Popul Health Metr 2017;15:1-7.

12. ปวีณา สนธิสมบัติ, สุทธิพร ภัทรชยากุล, ชาญกิจ พุฒิเลอพงศ์, ปรีชา มณฑกานติกุล, วิชัย สันติมาลีวรกุล, อรรณพ หิรัญดิษฐ์. คู่มือสำหรับเภสัชกร การดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์. กรุงเทพมหานคร: ประชาชน; 2554.

13. Foisey M, Tseng A. Interactions between opioids and antiretrovirals [Internet]. 2014 [cited 2018 Mar 15]. Available from: www.hivclinic.ca/main/drugs_interact_files/narc-int.pdf

14. Soeters HM, Napravnik S, Zakharova OM, Eron JJ, Hurt CB. Opportunities for sexual transmission of antiretroviral drug resistance among HIV-infected patients in care. AIDS 2013;27:2873-81.

15. Meresse M, March L, Kouanfack C, Bonono R-C, Boyer S, Laborde-Balen G, et al. Patterns of adherence to antiretroviral therapy and HIV drug resistance over time in the Stratall ANRS 12110/ESTHER trial in Cameroon. HIV Med 2014;15:478-87.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

28-09-2018

รูปแบบการอ้างอิง

1.
อาจสอน ช, นามจันทรา ร, กิมสูงเนิน น. คุณภาพการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวี สถาบันบำราศนราดูร. Dis Control J [อินเทอร์เน็ต]. 28 กันยายน 2018 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];44(3):282-9. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/DCJ/article/view/148036

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ