การจัดทำแผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขป้ญหา โรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ. 2560-2564)
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2018.6คำสำคัญ:
แผนยุทธศาสตร์, การเตรียมความพร้อม, โรคติดต่ออุบัติใหม่บทคัดย่อ
แผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ. 2560- 2564) ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดนโยบายและ ยุทธศาสตร์ระดับชาติ รวมทั้งจัดทำและปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมป้องกัน ควบคุม และแก้ไข สถานการณ์การระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ตลอดจนการบูรณาการระหว่าง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเพื่อใช้ เป็นกรอบการดำเนินงานต่อเนื่องจากแผนยุทธศาสตร์ฉบับเดิม คณะทำงานจัดทำแผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ. 2560-2564) ได้ดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ. 2560-2564) โดยผ่านกระบวนการ มีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในกระบวนการ จัดทำแผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมฯ ฉบับดังกล่าว ได้ดำเนินการตามกระบวนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ในรูปแบบแผนแม่บทปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ ได้จากการศึกษาวิเคราะห์กรอบการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สำคัญระดับชาติที่เกี่ยวข้อง กรอบการดำเนินงานตาม พันธะสัญญาระหว่างประเทศ กรอบการดำเนินงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการทบทวนปัญหาที่เกี่ยวข้อง จากการประเมินผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2556-2559) ผนวกกับผลการวิเคราะห์ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในและภายนอก ของระบบเตรียม ความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ของประเทศไทย ซึ่งได้จากการประชุมเชิงปฏิบัติการของ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เทคนิค SWOT analysis อันประกอบด้วย การวิเคราะห์จุดแข็ง (strength-S) การวิเคราะห์จุดอ่อน (weakness-W) การวิเคราะห์โอกาส (opportunity -O) และการวิเคราะห์ภัยคุกคาม (threat-T) ขององค์การ รวมทั้งผลการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย และการกำหนดกลยุทธ์ ใช้กลไกของ TOWS (Dynamic of TOWS) กล่าวคือ เป็นกลไกในการนำเอาปัจจัยแวดล้อมภายใน ซึ่งได้แก่ จุดแข็งหรือจุดอ่อน มา จับคู่กับปัจจัยแวดล้อมภายนอก ซึ่งได้แก่ โอกาสหรือภาวะคุกคาม เพื่อกำหนดกลยุทธ์ขององค์กร แผนยุทธศาสตร์ เตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ. 2560-2564) ประกอบด้วยวิสัยทัศน์ 5 พันธกิจ โดยกำหนดยุทธศาสตร์ขึ้น 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) การพัฒนาระบบเตรียมความพร้อมสำหรับภัยพิบัติ ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (2) การพัฒนาระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน รักษา และควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่ ภายใต้แนวคิด สุขภาพหนึ่งเดียว (3) การพัฒนาระบบการสื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ (4) การเสริม สร้างความเข้มแข็งด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ (5) การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคมและภาค เอกชน ในการป้องกันควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่ และ (6) การส่งเสริมการจัดการความรู้ การวิจัยและพัฒนา ใน แต่ละยุทธศาสตร์ได้กำหนดเป้าประสงค์ ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก กลยุทธ์หลัก มาตรการ และแนวทางการ ดำเนินงาน (แนวทางปฏิบัติ) ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในครั้งนี้พบว่า มีจุดแข็งคือ ผู้เข้าร่วม ประชุมหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการ และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในทุกขั้นตอน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมรับรู้ (ได้รับการถ่ายทอด) แผนกลยุทธ์ เกิดแผนปฏิบัติการต่างๆ เกิดขึ้นตามมา ผู้ร่วมจัดทำแผน ยุทธศาสตร์ประกอบด้วย ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งระดับเขตและระดับจังหวัด ที่เป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ทำให้ได้ แผนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ส่วนจุดอ่อนได้แก่ ผู้เข้าร่วมประชุมมีความรู้จำกัดเฉพาะองค์กร ขาดความเชื่อมโยง และความเข้าใจในการทำงาน เวลาในการทำกระบวนการกลุ่มน้อยเกินไป ทำให้มีการเร่งรีบในการเร่งระดมความ คิดเห็นเพื่อให้ได้ข้อสรุป กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมอบรมยังขาดภาครัฐ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ภาคประชาชน อาสาสมัครสาธารณสุข เพื่อจะได้รองรับการดำเนินงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น วิทยากรกระบวนการ (facilitator) ยังมีบางส่วนที่มีประสบการณ์ในการเป็น Fa น้อย ทำให้ควบคุมกลุ่มได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ต้องใช้เวลา ในการดึงผู้เข้าร่วมประชุมกลับมายังประเด็นของตน ขาดบุคลากรที่เคยทำแผนยุทธศาสตร์ฉบับเดิมมานำเสนอข้อมูล และมาร่วมคิดหรือถ่ายทอดข้อมูล
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ.แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติพ.ศ. 2558. กรุงเทพมหานคร: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย; 2558.
3. พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 . ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 132, ตอนที่ 15 ก (ลงวันที่ 5 มีนาคม2558)[อินเทอร์เน็ต].[สืบค้นเมื่อ5มี.ค.2558].แหล่งข้อมูล:http:// library2.parliament.go.th/giventake/content_ nla2557/law15-050358-1.pdf
4. พ ระ รา ช บัญ ญัติเ ชื้อ โ ร ค แ ละ พิษ จา ก สัต ว์ พ.ศ. 2558. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 132, ตอนที่ 80 ก (ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2558) [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 7 มี.ค. 2559]. แหล่งข้อมูล: https://is. gd/grGLty
5. พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และอนุบัญญัติ. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ที่ 124, ตอนที่ 52 ก (ลงวันที่ 7 กันยายน 2550) [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 7 มี.ค. 2559]. แหล่ง ข้อมูล: http://www.psdgreenoffice.mju.ac.th/goverment/25600508142424_psdgreenof-fice/Doc_25600518181321_225592.pdf
6. พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558. ราชกิจจา นุเบกษา เล่มที่ 132, ตอนที่ 86 ก (ลงวันที่ 8 กันยายน 2558) [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 7 มี.ค. 2559]. แหล่งข้อมูล: http://law.ddc.moph.go.th/ file/prb/prb_gcd2558.pdf
7. พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558. ราช กิจจานุเบกษา เล่มที่ 132, ตอนที่ 14 ก (ลงวันที่ 2 มีนาคม 2558) [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 7 มี.ค. 2559]. แหล่งข้อมูล: http://www.vet.cmu.ac.th/ web/file/Act-3.pdf
8. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109, ตอนที่ 15 (ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2535) [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 7 มี.ค. 2559]. แหล่งข้อมูล: http:// www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF /2535/A/015/1.PDF
9. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. แผนยุทธศาสตร์ การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพในประเทศไทย พ.ศ. 2560-2564 (มติคณะรัฐมนตรี 17 สิงหาคม 2559). นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2559.
10. สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2558-2593. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม; 2558.
11. สำนักนายกรัฐมนตรี. ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) (สรุปย่อ). กรุงเทพมหานคร: สำนักนายกรัฐมนตรี; 2559.
12. สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. กฎอนามัย ระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (2005). นนทบุรี: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2550.
13. สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค. สุขภาพ หนึ่งเดียว (One Health) [อินเทอร์เน็ต]. 2555 [สืบค้นเมื่อ 7 มี.ค. 2559]. แหล่งข้อมูล: http:// beid.ddc.moph.go.th/media/media_detail. php?id=26
14. Global Health Security Agenda. Global Health Security Agenda [Internet]. 2016 [cited 2016 Mar 7]. Available from: https://www.ghsagen¬da.org/about
15. World Health Organization. Asia Pacific strategy for emerging diseases and public health emer¬gencies [Internet]. 2016. [cited 2016 Mar 7]. Available from: http://www.wpro.who.int/ about/regional_committee/67/documents/wpr_ rc67_9_apsed.pdf16.World Organization for Animal Health (OIE). OIE International Animal Health Code [Internet], [cited 2016 Mar 25]. Available from: http:// www.oie.int/international-standard-setting/ overview/
16. World Organization for Animal Health (OIE). OIE International Animal Health Code [Internet]. [cited 2016 Mar 25]. Available from: http:// www.oie.int/international-standard-setting/ overview
17. ปกรณ์ ปรียากร. การวางแผนกลยุทธ์ : แนวคิดและ แนวทางเชิงประยุกต์. กรุงเทพมหานคร: เสมาธรรม; 2542.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


