ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานควบคุมการระบาดโรคหัด ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จังหวัดสตูล
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2021.48คำสำคัญ:
ความสำเร็จ, โรคหัด, เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยหาความสัมพันธ์เชิงทำนาย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยทำนายที่มีผลต่อการดำเนินงานควบคุมการระบาดโรคหัดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จังหวัดสตูล กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ระบาดวิทยา ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ และศูนย์สุขภาพชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 85 คน คำนวณขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้โปรแกรม G*Power สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามด้านทีมปฏิบัติงาน ด้านการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ด้านระบบการสนับสนุน ด้านการสื่อสารและประสานงาน และด้านความสำเร็จในการควบคุมการระบาดโรคหัด ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (Cronbach’s Alpha Coefficient) ในด้านทีมปฏิบัติงาน ด้านการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ด้านการสนับสนุน ด้านการสื่อสารและประสานงาน และด้านความสำเร็จในการควบคุมโรค เท่ากับ 0.87, 0.89, 0.87, 0.89 และ 0.93 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุแบบทีละขั้นตอน (stepwise) ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานควบคุมการระบาดโรคหัดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จังหวัดสตูล ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x ̅=4.55, SD=0.37) การวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุ พบว่า ปัจจัยด้านการสื่อสารและประสานงาน (Beta=0.595) และปัจจัยด้านการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (Beta=0.221) สามารถทำนายปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานควบคุมการระบาดโรคหัดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จังหวัดสตูล ได้ร้อยละ 58.3 (adj.R2=0.583) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 ดังนั้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพัฒนาและส่งเสริมการใช้ช่องทางการสื่อสารและประสานงานที่มีความทันสมัย สะดวก และรวดเร็ว และสถานบริการสาธารณสุขในพื้นที่ควรเร่งรัดการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้บรรลุเป้าหมายมากกว่าร้อยละ 95 ในทุกพื้นที่ และผู้รับผิดชอบในระดับจังหวัดควรมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง
Downloads
เอกสารอ้างอิง
Thanmapornpilas P, Leelathorn L. Guidelines for surveillance, disease control, examinayion, treatment and laboratory testing for the elimination of measles according to the Measles Elimination with the international commitments. 3rd ed. Bangkok: Department of Disease Control, Ministry of Public Health; 2016. (in Thai)
Thanmapornpilas P, Chompook P, Leelathorn L. Guidelines for surveillance, disease control, examinayion, treatment and laboratory testing for the elimination of measles accaccording to the Measles Elimination with the international commitments. 2nd ed. Nonthaburi: Department of Disease Control, Ministry of Public Health; 2012.
Bureau of Epidemiology, Department of Disease Control, Ministry of Public Health (TH). Surveillance Systems 506 [Internet]. 2019 [cited 2019 Jul 22]; Available from: https://apps.doe.moph.go.th/boe/software/downloadtab.php (in Thai)
Epidemiology Satun Provincial Health Office. Epidemiological Report 2019. Satun: Epidemiology Satun Provincial Health Office; 2019. (in Thai)
Thatiyanantaporn S, Seenuanlae L, Kornjamnong P, Srakawe K, Krubkrathok A, Jampasan N, et al. Measles Outbreak in Phimai District, Nakhon Ratchasima Provice and Suggestions for Measles Elimination Thailand in 2017. Lanna Journal of Health Promotion & Environmental Health. 2017;11:16-31. (in Thai)
Wanawanakorn K. Factors Affecting Coverage of measles vaccine of the target group in Su-ghai Kolok District. Journal of Preventive Medicine Association of Thailand. 2019;9:190-6. (in Thai)
Bester JC. Measles and measles vaccination: a review. JAMA pediatrics. 2016;170(12):1209-15.
Khawcho R, Thammakun T. Factors in Successful Control of Measles Outbreak in Mueang District, Satun Province. Journal of the Office of DPC 9 Nakhon Ratchasima. 2019;26:25-33. (in Thai)
Siripanumas P. Diseases prevention and control by District Health System. 2007 Dec 26; Richmon Hotel Nonthaburi; 2007. (in Thai)
Wongrattana C. Techniques for using statistics for research. 12th ed. Nonthaburi: Thai neramitkij Inter Progressive; 2010. (in Thai)
Hair FJ, Black CW, Babin JB, Anderson ER. Multivariate Data Analysis. 7th ed. New Jersey: Pearson Education; 2010.
Grant GB, Masresha BG, Moss WJ, Mulders MN, Rota PA, Omer SB, et al. Accelerating measles and rubella elimination through research and innovation–Findings from the Measles & Rubella Initiative research prioritization process, 2016. Vaccine. 2019;37:5754-61.
Thammakun T1, Prompunjai P, Wannaprapan B, Singthongtam S. Project Evaluation of Latency Development and Forecast Mechanism about Disease in 14 Public Health Border Areas, follow the Stress Policy 2011, Department of Disease control; Journal of the Office of DPC 5 Ratchaburi. 2012;18:45-57.
Tantiwattanasap W, Suyasurp S, Anumathangkoon A. An Outbreak of Measles in Umphang District, Tak Province, 2004-2005. Journal of Health System Research. 2007;1:516-22.
Thapa A, Khanal S, Sharapov U, Swezy V, Sedai T, Dabbagh A, et al. Progress toward measles elimination South-East Asia region, 2003–2013. MMWR. Morbidity and mortality weekly report. 2015;64:613-7.
MacIntyre CR, Kpozehouen E, Kunasekaran M, Harriman K, Conaty S, Rosewell A, et al. Wood J. Measles control in Australia–threats, opportunities and future needs. Vaccine. 2018; 36: 4393-98.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน
