Factors related to enzyme cholinesterase of tobacco famers: A case study in Sukhothai Province
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2017.15Keywords:
enzymes cholinesterase, farmers, tobaccoAbstract
The objective of this cross-sectional descriptive study was to investigate the relationship between knowledge, attitudes and practices on pesticides and blood enzymes erythrocyte cholinesterase level of tobacco farmers in Sukhothai Province. A questionnaire and blood enzymes erythrocyte cholinesterase test was completed by face to face from 44 tobacco farmers. Data were analyzed using descriptive statistics and inferential statistics, Fisher’s exact test and Odd ratio. The results showed that the most of the participants were female (75.0%), age between 51-60 years (54.5%) and educational levels in primary school (79.5%). Their experience in growing tobacco was 11-20 years (45.4%). Participants had a moderate level of knowledge (63.6%) and attitude (70.5%) on pesticide usage. Most of them had practices on pesticides use at high level (84.1%). It was found that there was no relationship between knowledge, attitudes and blood enzymes erythrocyte cholinesterase levels. While the practices on pesticides use was correlated with blood enzymes erythrocyte cholinesterase level a statistical significance level of 0.05 (p=0.01). More than 90.9% of participants had abnormal blood enzymes erythrocyte cholinesterase as unsafe level than the report from Department of Disease Control (66.7% of participants had risk and unsafe level). The results can be used as a database for blood enzymes erythrocyte cholinesterase levels and provide activities to promote the knowledge regarding to pesticides use and exposure for tobacco farmers to improve their ability to handle pesticide. Furthermore, the education including bio-pesticide should be recognized for this area.
Downloads
References
2. สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. ปริมาณการนำเข้า สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ปี พ.ศ. 2553 - 2557 [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 20 ธ.ค. 2558]. แหล่งข้อมูล: http://www.oae.go.th/ewt_news.php?nid =146
3. สาคร ศรีมุข. ผลกระทบจากการใช้สารเคมีทางการเกษตรของประเทศไทย ปีที่ 3. กรุงเทพมหานคร: สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา; 2556.
4. สำนักงานเกษตรจังหวัดสุโขทัย. รายงานข้อมูลภาวะ การผลิตพืช แบบรายปี กลุ่มพืชไร่ชนิดพืชยาสูบ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2558-2559. สุโขทัย: สำนักงานเกษตรจังหวัดสุโขทัย; 2558.
5. ธวัชชัย ยุบลเขต. การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของ เกษตรกรปลูกยาสูบ จังหวัดกาฬสินธุ์ [วิทยานิพนธ์ ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา; 2553. 82 หน้า.
6. ยุวยงค์ จันทรวิจิตร, อนนท์ วิสุทธิ์ธนานนท์, ธนพรรณ จรรยาศิริ, ชลอศรี แดงเปี่ยม, นงเยาว์ อุดมวงศ์, สุชาดา เหลืองอาภาพงศ์, และคณะ. ปัญหาและความต้องการเกี่ยวกับการใช้สารเคมี กำจัดศัตรูพืชเกษตรกร. พยาบาลสาร 2550;34: 154-63.
7. Kachaiyaphum P, Howteerakul N, Sujirarat D, Siri S, Suwannapong N. Serum cholinesterase levels of Thai chilli-farm workers exposed to chemical pesticides: prevalence estimates and associated factors. J Occup Health 2010; 52:89-98.
8. สิริภัณฑ์กัญญา เรืองไชย, ยรรยงค์ อินทร์ม่วง. ผลกระทบจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อสุขภาพ ของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในตำบลลำห้วยหลัว อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารสำนักงาน ป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น 2554; 18:48-60.
9. กมล กลิ่นน้อย ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและระดับ เอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสในร่างกายของเกษตรกร ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก [สารนิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2553. 79 หน้า.
10.สายน้ำผึ้ง บุญวาที. พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากอันตรายในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกรในเขตตำบลแหลมกลัดอำเภอเมือง จังหวัดตราด. [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา; 2553. 93 หน้า.
11. สายสุนีย์ พันธุ์พานิช.ปัจจัยที่มีผลต่อระดับสารพิษในเลือดของเกษตรกรเทศบาลตำบลทุ่งโฮ้ง อำเภอเมืองแพร่จังหวัดแพร่[สารนิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์; 2554. 87 หน้า.
12. วิทยา เทิดไพรพนาวัลย์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืช และ ระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสของเกษตรกรบนพื้นที่สูงตำบลบ้านหลวงอำเภอจอมทองจังหวัดเชียงใหม่[วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต].เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ;2557. 91 หน้า.
13. อำพร สมสิงห์คำ. พฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัด ศัตรูพืชและระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสของ เกษตรกร ตำบลทุ้งปี๊ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหา บัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2554. 82 หน้า.
14. สุทธี เชยจันทา. ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรู พืชกับระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสในเลือดเกษตรกร ตำบลแตล อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. สุรินทร์: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์; 2553. 101 หน้า.
15. กรมควบคุมโรค สำนักโรคจากการประกอบอาชีพ และสิ่งแวดล้อม. รายงานสถานการณ์การดำเนินงาน เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ ผู้ประกอบอาชีพภาคเกษตรกรรม ปีงบประมาณ 2558. นนทบุรี: สำนักโรคจากการประกอบอาชีพ และสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค; 2558.
16. สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์. อัตราป่วยโรค จากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ปี 2553- 2557 [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 20 ธ.ค. 2558]. แหล่งข้อมูล: http://envocc.ddc.moph.go.th/ contents?g=11
17. โยธิน แสวงดี. ประชากรการคำนวณขนาดตัวอย่าง และวิธีการสุ่ม [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 27 มี.ค. 2559]. แหล่งข้อมูล:https://www.spu.ac.th/re¬search/files/2015/03/10.ประชากร-การคำนวณ ขนาดตัวอย่าง-และวิธีการสุ่ม.pdf
18. กรมควบคุมโรค สำนักโรคจากการประกอบอาชีพ และสิ่งแวดล้อม. องค์ความรู้เกี่ยวกับการตรวจคัด กรองความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยกระดาษทดสอบโคลีนเอสเตอเรส (cholinesterase reactive paper) สำหรับเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขในหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ. นนทบุรี: สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและ สิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค; 2558.
19. จันทิพา อ้นหลำ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับระดับ เอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสในเลือดของเกษตรกร ปลูกผลไม้ ที่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในอำเภอ รัษฎา จังหวัดตรัง. ตรัง: วิทยาลัยการสาธารณสุข สิรินธร จังหวัดตรัง; 2559.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Articles published in the Disease Control Journal are considered as academic work, research or analysis of the personal opinion of the authors, not the opinion of the Thailand Department of Disease Control or editorial team. The authors must be responsible for their articles.