The Pathogenesis of a New Variant Genotype and QX-like Infectious Bronchitis Virus Isolated from Chickens in Thailand

Abstract

บทคัดย่อ

การทดลองนี้ศึกษาความสามารถในการก่อโรคของเชื้อไวรัสหลอดลมอักเสบติดต่อสายพันธุ์แวเรียนชนิดใหม่และสายพันธุ์ QX-likeที่แยกได้ในประเทศไทย โดยทำการทดลองในไก่เนื้อเพศเมีย อายุ 28 วัน จำนวน 60 ตัว แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มๆ ละ 20 ตัว (กลุ่มที่ 1-3) และไก่อายุ 1 วัน จำนวน 60 ตัว แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มๆ ละ 20 ตัว (กลุ่มที่ 4-6) ไก่กลุ่มที่ 2 และ 5 ได้รับเชื้อไวรัสหลอดลมอักเสบติดต่อสายพันธุ์QX-like (isolate THA80151) ไก่กลุ่มที่ 3 และ 6 ได้รับเชื้อสายพันธุ์แวเรียนชนิดใหม่ (isolate THA90151) ส่วนไก่กลุ่มที่ 1 และ 4 เป็นกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับเชื้อไวรัส สังเกตอาการป่วยและอัตราการตายเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ชั่งน้ำหนักไก่ภายหลังจากได้รับเชื้อ 0 7 และ 14 วันทำการฆ่าไก่จำนวน 5 ตัว/กลุ่ม/ครั้ง และเก็บตัวอย่างท่อลมและไตภายหลังจากได้รับเชื้อ 7 และ 14 วัน เพื่อตรวจหาการติดเชื้อและประเมินคะแนนรอยโรคทางจุลพยาธิวิทยา ผลการทดลองพบว่าภายหลังไก่ได้รับเชื้อ 7 วันไก่กลุ่มที่ 2 และ 6 มีน้ำหนักตัวเฉลี่ยต่ำกว่ากลุ่มควบคุม(กลุ่ม 1 และ 4 ตามลำดับ) อย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ส่วนน้ำหนักตัวเฉลี่ยของกลุ่มที่ได้รับเชื้อทุกกลุ่มภายหลังจากได้รับเชื้อ 14 วันไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (p>0.05) พบการตายของไก่กลุ่มที่ 2 และ 5 กลุ่มละ 1 ตัว คิดเป็นอัตราการตายร้อยละ 5 ในแต่ละกลุ่ม สำหรับคะแนนรอยโรคทางจุลพยาธิวิทยาของท่อลมภายหลังจากไก่ได้รับเชื้อ 7 วันในไก่ที่ได้รับเชื้อทุกกลุ่มไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (p>0.05) แต่ภายหลังจากได้รับเชื้อ 14 วัน กลุ่มที่ 5 มีคะแนนรอยโรคที่ท่อลมสูงกว่ากลุ่มที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ส่วนคะแนนรอยโรคที่ไตในกลุ่มที่ได้รับเชื้อไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (p>0.05) ทั้งที่ 7 และ 14 วันภายหลังได้รับเชื้อ การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าเชื้อไวรัสทั้ง 2 สายพันธุ์สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อและทำให้เกิดรอยโรคได้ทั้งท่อลมและไต และทำให้ไก่เจริญเติบโตช้าลงในช่วง 7วันภายหลังได้รับเชื้อ

คำสำคัญ : ไก่, เชื้อไวรัสหลอดลมอักเสบติดต่อ, ความสามารถในการก่อโรค

Abstract

This study was designed to investigate the pathogenesis of infectious bronchitis virus (IBV), a new variantgenotype and QX-like IBV, isolated in Thailand. Sixty, 28-day-old, female broiler chickens were divided into 3 groupsof 20 chickens each (groups 1-3) and sixty, 1-day-old, female broiler chickens were divided into 3 groups of 20chickens each (groups 4-6). The chickens in groups 2 and 5 were inoculated with QX-like IBV (isolate THA80151)whereas the chickens in groups 3 and 6 were inoculated with a new variant genotype IBV (isolate THA90151). Thechickens in groups 1 and 4 served as negative control groups. Clinical signs and mortality rates were observed for 14days post-inoculation (dpi). The chickens were weighed at 0, 7 and 14 dpi. At 7 and 14 dpi, five chickens per groupwere humanely killed. The tracheas and kidneys were collected for IBV detection and histopathological lesion scoreevaluation. The results revealed that at 7 dpi, the average body weight of the chickens in groups 2 and 6 wassignificantly lower than that of the negative control groups (groups 1 and 4, respectively) (p<0.05). Groups 2 and 5had one dead chicken in each (5% per group). As for the histopathological lesion score evaluation, lesion scores forthe trachea were not significantly different among infected groups (p>0.05) at 7 dpi but the score for group 5 wassignificantly higher than that for group 2 at 14 dpi (p<0.05). As for the kidneys, there was no significant difference inthe lesion score among the infected groups at both 7 and 14 dpi (p>0.05). This study indicates that both of the ThaiIBV isolates have an affinity to cause respiratory and kidney lesions and an effect on growth rate was found over 7dpi.

Keywords : chickens, infectious bronchitis virus, pathogenesis