ผลของการใช้โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพโดยการบริหารสายตาต่อความล้า ของสายตาในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์
คำสำคัญ:
ความล้าของสายตา, โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพโดยการบริหารสายตาบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
- 1. เพื่อศึกษาอาการล้าของสายตาในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
- เพื่อเปรียบเทียบความล้าของสายตาในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนและหลังการได้รับโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพโดยการบริหารสายตา
วัสดุและวิธีการศึกษา : การวิจัยครั้งนี้เป็นแบบกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลอง (one-group pretest-posttest design) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพโดยการบริหารสายตาต่อความล้าของสายตาในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยศึกษากับบุคลากรคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ทั้งหมด 15 แผนก ที่ทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์มากกว่าสองชั่วโมงต่อวัน เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบสะดวก (convenience sampling) จำนวน 53 คน และใช้รูปแบบวิจัยกึ่งทดลอง แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างได้รับการสอนหนึ่งครั้งเป็นรายบุคคลเกี่ยวกับการดูแลถนอมสายตา ฝึกบริหารสายตา และร่วมกับนักวิจัยจัดสิ่งแวดล้อมรอบโต๊ะทำงาน จากนั้นให้ฝึกดูแลตนเอง 3 สัปดาห์ ตามที่กำหนดในโปรแกรมโดยใช้แนวคิดระบบการพยาบาลแบบสนับสนุนและให้ความรู้ของโอเร็ม เก็บรวบรวมข้อมูลก่อนและหลังการทดลองโดยใช้แบบประเมินอาการล้าของสายตาของผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและการทดสอบแมคนีมาร์
ผลการศึกษา: พบว่า คะแนนเฉลี่ยความล้าของสายตาภายหลังเข้าร่วมโปรแกรม ( = 2.08, SD = 0.70) ลดลงจากก่อนเข้าร่วมโปรแกรม ( = 2.59, SD = 0.74) อย่างมีนัยสำคัญที่ .05 ( = 0.50, SD = 1.01, 95% CI [0.22, 0.79], p-value = 0.001) นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่าง 16 คนจาก 53 คน (ร้อยละ 30.2) มีอาการล้าของสายตาก่อนเข้าร่วมโปรแกรม แต่พบเพียง 3 คนจาก 16 คน (ร้อยละ 18.8) ที่ยังคงมีอาการล้าของสายตาภายหลังเข้าร่วมโปรแกรม ส่วนกลุ่มตัวอย่าง 37 คน (ร้อยละ 69.8) ที่ไม่มีอาการล้าของสายตาก่อนเข้าร่วมโปรแกรม พบว่ามีเพียง 4 คน (ร้อยละ 10.8) ที่มีอาการตาล้าภายหลังเข้าร่วมโปรแกรม โดยสรุป พบว่ามีกลุ่มตัวอย่าง 7 คนจาก 53 คน (ร้อยละ 12.5) ที่มีอาการล้าของสายตาภายหลังสิ้นสุดโปรแกรม ผลการทดสอบด้วยแมคนีมาร์ พบว่า สัดส่วนของกลุ่มตัวอย่างที่มีอาการล้าของสายตาก่อนเข้าร่วมโปรแกรมลดลงอย่างมีนัยสำคัญภายหลังเข้าร่วมโปรแกรม (p = 0.049)
ข้อสรุป : โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพโดยการบริหารสายตาต่อความล้าของสายตาในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ พบว่าภายหลังการใช้รูปแบบโปรแกรมมีกลุ่มตัวอย่างมีอาการล้าของสายตาลดลง
References
กฎกระทรวง กําหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทํางาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553. (9 กรกฎาคม 2553). ราชกิจจานุเบกษา.
เล่ม 127 ตอนที่ 43 ก หน้า 15-17.
ความชื้นในอากาศที่เหมาะสมกับร่างกาย. (2559). เลกะทูล. https://legatool.com/wp/10833/
จรูญ ชิดนายี, วิรงค์รอง จารุชาต และศศิธร ชิดนายี. (2556). ความสัมพันธ์ระหว่างความล้าของสายตากับ
การตรวจสมรรถภาพทางสายตาในกลุ่มผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ในโรงพยาบาลอุตรดิตถ์. วารสารวิจัยทาง
วิทยาศาสตร์สุขภาพ, 7(2), 47-56.
จามรี สอนบุตร, พิชญา พรรคทองสุข และสุภาภรณ์ เต็งไตรสรณ์. (2552). ความชุกและปัจจัยที่มีผลต่อ
ความล้าของสายตาในผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์. สงขลานครินทร์เวชสาร, 27(2), 91-104.
จารุวรรณ ทูลธรรม และกิตติ ทูลธรรม. (2559). การจัดการเรียนรู้โดยรูปแบบสาธิต เพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนทักษะทางการปฏิบัติในเรื่องการใช้งานออสซิลโลสโคป ระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรม
คอมพิวเตอร์.วารสาร มทร.อีสาน ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 3(2), 45-54.
จิตตาภรณ์ มงคลแก่นทราย, จิรานุวัฒน์ จันทา, รอฮีมะห์ โอ๊ะหลำ และอรอุมา วิมลเมือง. (2560,
กรกฎาคม). ความชุกของความเมื่อยล้าสายตาในกลุ่มบุคลากรสำนักงาน สำนักงานอธิการบดี
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ [เอกสารนำเสนอในที่ประชุม]. การประชุมวิชาการและการนําเสนอ
ผลงานวิจัยระดับชาติ ราชธานีวิชาการ ครั้งที่ 2 การวิจัย 4.0 เพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง
มั่งคั่ง และยั่งยืน, มหาวิทยาลัยราชธานี.
จุฑาไล ตันเทอดธรรม และวชร โอนพรัตน์วิบูล. (2554). โรคตาจากการทำงาน. ใน อดุลย์ บัณฑุกุล (บ.ก.),
ตำราอาชีวเวชศาสตร์. (น. 599-634). โรงพิมพ์ราชทัณฑ์.
ชัยยุทธ ชวลิตนิธิกุล. (2558). ความรู้ทั่วไปในการฝึกปฏิบัติงานอาชีวอนามัย ความปลอดภัยและ
เออร์โกโนมิกส์ (พิมพ์ครั้งที่ 2). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
นรากร พลหาญ, สมสมร เรืองวรบูรณ์, โกมล บุญแก้ว และอนุพงษ์ ศรีวิรัตน์. (2557). กลุ่มอาการที่เกิดต่อ
ร่างกายจากการใช้คอมพิวเตอร์ในการปฏิบัติงานบุคลากรสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยนครพนม.
วารสารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 6(12), 26-38.
นลัท ชำนาญช่าง. (2563). รายงายผลการตรวจสุขภาพประจำปี/ ตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงของลักษณะ
การทำงานบุคลากรคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา ปี พ.ศ. 2560, ปี พ.ศ. 2561 และปี พ.ศ.
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
ปณิตา ปรีชากรกนกกุล. (17 มีนาคม 2554). การเรียนการสอนโดยใช้วิธีการสาธิตและสาธิตย้อนกลับ.
สำนักวิจัยและพัฒนา วิทยาลัยนครราชสีมา. http://research.nmc.ac.th/index.php?option=
com_content&view=article&id=69:2011-03-17-07-06-58&catid=30:km-&Itemid=88
ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง. (21 กุมภาพันธ์ 2561).
ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 135 ตอนพิเศษ 39 ง หน้า 15.
ปาจรา โพธิหัง, พรพรรณ ศรีโสภา และอโนชา ทัศนาธนชัย. (2559). ปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มอาการจอภาพ
คอมพิวเตอร์ของบุคลากรสายการสอนในมหาวิทยาลัยบูรพา. วารสารการพยาบาลและการศึกษา,
(2), 104–119.
ภัคจิรา ภูสมศรี. (2561). โรคคอมพิวเตอร์วิชันซิโดรมหรือโรคซีวีเอส ปัญหาสุขภาพใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม.
วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย, 12(2), 137-143.
รังสิมา พัสระ. (17 กันยายน 2563). พยาบาลกับงานอาชีวอนามัย. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
ลักษณาพร กรุงไกรเพชร. (2556). โรคตาจากการทำงาน. บูรพาเวชสาร, 1(1), 42-51.
วรรณา จงจิตรไพศาล และนุจรีย์ ปอประสิทธิ์. (2554). การตรวจคัดกรองด้านอาชีวเวชศาสตร์อาชีวอนามัย
สำหรับพยาบาล (พิมพ์ครั้งที่ 1). โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี.
วารุณี ติ๊บปะละ, ดวงรัตน์ วัฒนกิจไกรเลิศ และคนึงนิจ พงศ์ถาวรกมล. (2565). ผลของโปรแกรมการให้
ความรู้เสริมสร้างแรงจูงใจ และฝึกทักษะการใช้ยาสูดโดยใช้แอปพลิเคชันไลน์ต่อการควบคุมทางคลินิก
ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง. วารสารพยาบาลศาสตร์, 40(1), 112-127.
ศศิธร ชิดนายี. (2560). กลุ่มอาการจอภาพคอมพิวเตอร์หรือความล้าของสายตา. ราชาวดีสาร วิทยาลัย
พยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์, 7(2), 47-58.
สมสงวน อัษญคุณ. (21 ตุลาคม 2558). โรคตาแห้งอันตรายอย่างไร. ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. https://w1.med.cmu.ac.th/eye/index.php?option= com_
content&view=article&id=331:2015-10-21-07-27-51&catid=17&Itemid=394
Chitnayee, J., Charuchart, W., & Chitnayee, S. (2013). The relationship between visual
fatigue and occupational vision test among computer users in Uttaradit hospital.
Journal of Health Science Research, 7(2), 47-56.
Chow, S.C., Shao, J., Wang, H., (2003). Sample Size Calculations in Clinical Research
(2nd ed.). Chapman & Hall/CRC.
Ide, T., Toda, I., Miki, E., & Tsubota, K. (2015). Effect of blue light-reducing eye glasses on
critical flicker frequency. The Asia-Pacific Journal of Ophthalmology (Phila), 4(2),
-85.
Orem, D. E. (2001). Nursing concepts practice (6th ed.). St. Louis: Mosby year book.
Priyanka, S., Pranil, M. S. P., & Om, K. M. (2020). Computer Vision Syndrome among Patients
Attending the Outpatient Department of Ophthalmology in a Tertiary Care Centre:
A Descriptive Cross-sectional Study. JNMA J Nepal Med Assoc, 58(230), 721-724.
Rosenfield, M. (2011). Computer vision syndrome: a review of ocular causes and potential
treatments. Ophthalmic & Physiological Optics, 31(5), 502–515.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2024 โรงพยาบาลนครพนม
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ โรงพยาบาลนครพนม
- ข้อความหรือข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความนั้นๆ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการ