@article{ทราบจังหรีด_อินทร์ม่วง_2017, title={การเจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับความร้อนของเกษตรกร ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา}, volume={9}, url={https://he01.tci-thaijo.org/index.php/kkujphr/article/view/120963}, abstractNote={<p>การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบตัดขวาง (Cross-sectional Analytical Study) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ<br>ศึกษาการเจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับความร้อนของเกษตรกร ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา<br>ดำเนินการศึกษาโดย 1) การศึกษาค่าดัชนีความร้อนจากข้อมูลอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ของสถานี<br>อุตุนิยมวิทยานครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างเดือน มีนาคม-เมษายน พ.ศ. 2559 ซึ่ง<br>แบ่งค่าดัชนีความร้อนออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับเตือนระวัง(ต่ำกว่า 32oC) ระดับระวังรุนแรง (33-39oC)<br>ระดับอันตราย (40-51oC) และระดับอันตรายรุนแรง (มากกว่า 52oC) 2) รวบรวมข้อมูลการมารับบริการการ<br>เจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับความร้อนจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัด<br>นครราชสีมา และ 3) เก็บข้อมูลผู้ป่วยโดยใช้แบบสอบถาม ซึ่งประกอบด้วย การรับรู้ความเสี่ยงต่อการเกิดการ<br>เจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับความร้อน การปฏิบัติตนในการป้องกันตนเอง และการเจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับความร้อน<br>จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกร จำนวน 275 ครัวเรือน ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 โดยสอบถามข้อมูลย้อนหลัง<br>ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน 2559<br>ผลการศึกษา พบว่า ค่าดัชนีความร้อนในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ<br>35.48±4.52 และ 40.23±2.46oC ตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระดับอันตราย ร้อยละ 47.54 รองลงมาอยู่ใน<br>ระดับระวังรุนแรง และระดับเตือนระวัง ร้อยละ 37.70 และ14.75 ตามลำดับ ผลการศึกษาข้อมูลด้านการ<br>เจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับความร้อน ส่วนใหญ่มีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หน้ามืด ร้อยละ 56.73 รองลงมามี<br>อาการหน้าซีด ตัวเย็น คล้ายจะเป็นลม หรือที่เรียกว่า ลมแดด ร้อยละ 23.64 ส่วนในด้านการปฏิบัติตนในการ<br>ป้องกันตนเองของเกษตรกรจากแบบสอบถามและข้อมูลที่ได้รับจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตะขบ<br>พบว่า เมื่อมีการเจ็บป่วยดังกล่าวข้างต้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จะหยุดพักจากงานที่กำลังทำอยู่ในขณะนั้น<br>และปฐมพยาบาลตนเองเบื้องต้น มีเพียงบางส่วนที่ไปรับบริการสถานพยาบาลใกล้บ้าน ผลการทดสอบทางสถิติ<br>พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดอาการและอาการแสดงจากการสัมผัสความร้อน ที่ระดับนัยสำคัญทาง<br>สถิติ 0.05 ได้แก่ ระยะเวลาในการประกอบอาชีพ (p-value=0.037) จำนวนวันในการทำนา ทำไร่ หรือทำสวน<br>(p-value=0.036) และระยะเวลาการสัมผัสแสงแดดต่อวัน (p-value=0.039) และจากการศึกษาการรับรู้<br>ชี้ให้เห็นว่าเกษตรกรยังมีการรับรู้ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดการเจ็บป่วยจากความร้อน อยู่ในระดับน้อย ร้อยละ<br>67.64 รองลงมาอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 27.64 ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหามาตรการพัฒนาการ<br>รับรู้และแนวทางป้องกันปัญหาการเจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับความร้อนของเกษตรกรต่อไป</p>}, number={2}, journal={วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น}, author={ทราบจังหรีด ธัญญารัตน์ and อินทร์ม่วง อุไรวรรณ}, year={2017}, month={ก.ค.}, pages={53–59} }