วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jtss <p>วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทยเป็นวารสารวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการทางด้านโรคหลอดเลือดสมอง ครอบคลุมองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ระบาดวิทยา การป้องกัน การรักษา จากสาขาวิชาต่างๆ อาทิเช่น ประสาทวิทยา ประสาทศัลยศาสตร์ รังสีวินิจฉัยทางด้านระบบประสาท รังสีร่วมรักษาระบบประสาท เวชศาสตร์ฟื้นฟู</p> Thai Stroke Society en-US วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย 2697-4266 <p>ข้อความภายในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทยเล่มนี้ ตลอดจนความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความเป็นของผู้นิพนธ์ ไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการแต่อย่างใด การนำเนื้อหา ข้อความหรือข้อคิดเห็นของบทความไปเผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเล่มนี้ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร</p> ข่าวประชาสัมพันธ์สมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jtss/article/view/282136 สุรีรัตน์ สุวัชรังกูร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-30 2025-08-30 24 2 25 25 ภาวะอ่อนแรงครึ่งล่างเฉียบพลันหลังการผ่าตัดเส้นประสาทไขสันหลังบริเวณคอส่วนหลัง ซึ่งเกิดจากการขาดเลือดของหลอดเลือดแดงสมองส่วนหน้า (Anterior Cerebral Artery - ACA) ทั้งสองข้าง https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jtss/article/view/274710 <p>ภาวะกระดูกงอกในเอ็นตามยาวด้านหลังของกระดูกสันหลัง (Ossification of the Posterior Longitudinal Ligament: OPLL) เป็นภาวะที่เกิดการสร้างกระดูกผิดปกติภายในเอ็นของกระดูกสันหลัง แม้ว่าส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ แต่ OPLL สามารถนำไปสู่การกดทับไขสันหลัง ส่งผลให้เกิดอาการทางระบบประสาท ผู้ป่วยชายไทยอายุ 66 ปี มีอาการอ่อนแรงของแขนขาลุกลาม ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น OPLL และเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดแรงกดทับไขสันหลังบริเวณคอ (cervical decompression) อย่างไรก็ตาม ภายหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยกลับมีอาการอ่อนแรงของขาทั้งสองข้าง (paraparesis) ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด จากการสืบค้นเพิ่มเติมพบว่ามีภาวะเลือดไหลเวียนลดลงระหว่างการผ่าตัด และผลการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองพบภาวะสมองขาดเลือดเก่าบริเวณหลอดเลือดแดงสมองส่วนหน้าทั้งสองข้าง กรณีนี้เน้นย้ำถึงความซับซ้อนในการจัดการภาวะ OPLL และความสำคัญของการเข้าถึงแบบองค์รวมที่เกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายสาขาและความสำคัญของแนวทางที่ครอบคลุมโดยเกี่ยวข้องกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา</p> อดิศักดิ์ แทนปั้น ปรีดี กาญจนพงศ์กุล วโรดม สุขเจริญจิต ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-30 2025-08-30 24 2 14 14 ผลการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีอาการขณะตื่นนอนในยุคที่มีการรักษาด้วยวิธีลากลิ่มเลือด https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jtss/article/view/280186 <p>ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีอาการผิดปกติทางระบบประสาทภายหลังตื่นนอนมีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับการรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ เนื่องจากไม่ทราบเวลาที่เกิดอาการอย่างชัดเจน ปัจจุบันมีการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอุดตันที่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับการรักษา และมีอาการภายใน 24 ชั่วโมงด้วยการลากลิ่มเลือด การรักษาดังกล่าวอาจเปลี่ยนผลการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่พบว่ามีอาการขณะตื่นนอน</p> <p><strong>วัตถุประสงค์การวิจัย</strong><strong>:</strong> เพื่อศึกษาเปรียบเทียบสาเหตุและผลการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มที่ไม่มีและมีอาการขณะตื่นนอน</p> <p><strong>วิธีวิจัย</strong><strong>:</strong> ศึกษาในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบตันที่มารับการรักษาในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 ถึงมีนาคม พ.ศ.2566 ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับการตรวจเพิ่มเติมและรักษาตามมาตรฐานการรักษาที่หอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ข้อมูลสาเหตุและผลการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มที่ไม่มีและมีอาการขณะตื่นนอนจะได้รับการวิเคราะห์เปรียบเทียบ</p> <p><strong>ผลการวิจัย</strong><strong>:</strong> จากผู้ป่วยทั้งสิ้น 693 คน มีผู้ป่วย 138 คน (ร้อยละ 19.9) พบอาการโรคหลอดเลือดสมองขณะตื่นนอน สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มที่ไม่มีและมีอาการขณะตื่นนอนไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผู้ป่วยร้อยละ18 ของแต่ละกลุ่มได้รับการรักษาด้วยการลากลิ่มเลือด ผู้ป่วยร้อยละ 14.2 ของกลุ่มที่ไม่มีอาการขณะตื่นนอนได้รับยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีผู้ป่วยในกลุ่มที่มีอาการขณะตื่นนอนได้รับยาละลายลิ่มเลือด ผลการฟื้นตัวดีที่ 3 เดือนของทั้ง 2 กลุ่มไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ไม่มีอาการขณะตื่นนอน: ร้อยละ 54 เทียบกับ มีอาการขณะตื่นนอน: ร้อยละ 55, ค่า p=0.83) พบอัตราการเสียชีวิต(ร้อยละ 6.8 เทียบกับร้อยละ 2.2,ค่า p=0.037) และการเกิดเลือดออกในสมอง (ร้อยละ 5.4 เทียบกับร้อยละ 1.4,ค่า p=0.188) ที่ทำให้อาการแย่ลงในกลุ่มที่ไม่มีอาการขณะตื่นนอนสูงกว่า</p> <p><strong>บทสรุป</strong><strong>: </strong>ในยุคที่มีการรักษาด้วยการลากลิ่มเลือด อัตราการฟื้นตัวดีในกลุ่มผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีและไม่มีอาการขณะตื่นนอนไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งที่ไม่มีผู้ป่วยที่มีอาการขณะตื่นนอนได้รับยาละลายลิ่มเลือดเลย</p> พาทิศ ชุณหชัชราชัย พรภัทร ธรรมสโรช ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-30 2025-08-30 24 2 5 5 สารจากนายกสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jtss/article/view/282133 เจษฎา อุดมมงคล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-30 2025-08-30 24 2 2 2 บทบรรณาธิการ https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jtss/article/view/282134 นภาศรี ชัยสินอนันต์กุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-30 2025-08-30 24 2 3 3 เล่าเรื่อง Stroke News https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jtss/article/view/282135 นภาศรี ชัยสินอนันต์กุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-30 2025-08-30 24 2 23 23