การวิเคราะห์ปริมาณ BTEX และ MTBE ในปัสสาวะ ด้วยเทคนิคเฮดสเปซ-โซลิดเฟสไมโครเอกซ์แทรกชัน
Keywords:
สารอินทรีย์ระเหยง่าย, การวิเคราะห์, เฮดสเปซ-โซลิดเฟสไมโครเอกซ์แทรกชัน, ปัสสาวะAbstract
การพัฒนาวิธีการวิเคราะห์ปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายเบนซีน โทลูอีน เอทิลเบนซีน ไซลีน (รวมเรียกว่า BTEX) และ MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) ในปัสสาวะด้วยเทคนิคเฮดสเปซ-โซลิดเฟสไมโครเอกซ์แทรกชัน (HS-SPME) พบว่าวิธีการมีความจําเพาะ ความไว ความถูกต้อง และ ความแม่นยําในการวัดสูง ได้กราฟมาตรฐานเป็นเส้นตรงช่วงความเข้มข้น 1- 25 นาโนกรัม/ลิตร ค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ (r) ของเบนซีน โทลูอีน เอทิลเบนซีน เมตา-, พารา-ไซลีน ออร์โธ-ไซลีน และ MTBE เท่ากับ 0.9930, 0.9960, 0.9974, 0.9970, 0.9953 และ 0.9968 ตามลําดับ ความถูกต้องในการวิเคราะห์สำหรับ BTEX และ MTBE มีค่าอยู่ในช่วงร้อยละ 94.1-105.6 และ ร้อยละ 97.4-98.0 ตามลําดับ การทดสอบความแม่นยําของวิธีการ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์ของการวิเคราะห์ซ้ำปริมาณ BTEX และ MTBE ในตัวอย่างปัสสาวะอยู่ในช่วงร้อยละ 4.9-12.8 และ 4.6-5.1 ตามลําดับ ค่าขีดต่ำสุดในการวัด (LODs) สารเบนซีน โทลูอีน เอทิลเบนซีน เมตา-, พารา-ไซลีน ออร์โธ-ไซลีน และ MTBE มีค่า 4.3, 4.6, 2.5, 5.4, 2.2 และ 3.6 พิโคกรัม/ลิตร ตามลําดับ ผลการหาปริมาณ BTEX และ MTBE ในปัสสาวะของอาสาสมัคร 2 กลุ่ม พบว่ากลุ่มพนักงานที่ทํางานในสถานบริการน้ํามันเชื้อเพลิงมีปริมาณสาร MTBE และเบนซีน สูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ทํางานสัมผัสสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) แต่ปริมาณสารโทลูอีน, เอทิลเบนซีน และ ไซลีน ไม่มีความแตกต่างกัน ดังนั้นวิธีการนี้เป็นวิธีที่เชื่อถือได้ง่าย สะดวกและไม่บาดเจ็บ จึงน่าจะเป็นประโยชน์ในการเฝ้าคุมทางชีวภาพและประเมินความเสี่ยง การรับสัมผัสสาร BTEX และ MTBE ในระดับต่ำจากการทํางานหรือจากสิ่งแวดล้อม เพื่อศึกษาติดตามผลกระทบของสารเหล่านี้ต่อสุขภาพ