https://he01.tci-thaijo.org/index.php/cdj/issue/feed
วารสารวิชาการ การแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
2021-01-14T14:35:44+07:00
นาวาอากาศตรีหญิง แพทย์หญิงวราลี อภินิเวศ
cdemjournal@cra.ac.th
Open Journal Systems
<p>วารสารวิชาการ การแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ เป็นวารสารที่มีการนำเสนอข้อมูลทางด้านการแพทย์ฉุกเฉิน และภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บริการวิชาการด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉิน และเป็นการเผยแพร่ความรู้ต่าง ๆ ที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมความรู้และการสร้างเครือข่ายที่สำคัญอันนำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิชาการและบริการด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉิน</p>
https://he01.tci-thaijo.org/index.php/cdj/article/view/246949
การจัดการอุบัติภัยหมู่ขนาดใหญ่ในระดับศูนย์สั่งการการแพทย์ฉุกเฉินตากตะวันตก
2021-01-14T14:35:44+07:00
Apichaya Sukprasert
aapichaya@gmail.com
Yuwares Sittichanbuncha
yyuwares@gmail.com
<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p> การจัดการอุบัติภัยหมู่อย่างถูกต้อง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราตายของผู้ป่วย แม้ทุกโรงพยาบาลจะมีแผนตอบโต้อุบัติภัยหมู่ในระดับหน่วยบริการ แต่ในระดับศูนย์สั่งการการแพทย์ฉุกเฉินกลับยังไม่มีแผนที่ชัดเจนนัก</p> <p> ในปีพ.ศ.2562 เกิดอุบัติเหตุหมู่ขนาดใหญ่ในประเทศเมียนมาร์ต่อเนื่องกับอำเภอท่าสองยาง ในความดูแลของศูนย์สั่งการการแพทย์ฉุกเฉินตากตะวันตก เหตุนี้ใหญ่เกินกำลังและถือเป็นระดับภัยพิบัติ(Disaster)ของรพ.ท่าสองยาง ทั้งยังเกิดในป่าลึกห่างไกล เครือข่ายการแพทย์ฉุกเฉินตากตะวันตกจึงได้ร่วมมือกันจัดการเหตุดังกล่าว มีรายละเอียดแบ่งเป็น 4 ระยะ</p> <p><strong> </strong><strong>ระยะ </strong><strong>1 </strong><strong>วางแผน </strong><strong>:</strong> วิเคราะห์แต่ละจุดปฏิบัติการและวางแผนตอบโต้ เน้นการจัดการทรัพยากรโดยยึดหลัก 1.การประเมินทรัพยากร, 2.การเสริมทรัพยากรเข้าสู่ระบบ, และ 3.การลดการใช้ทรัพยากรในจุดที่เหมาะสม</p> <p> <strong>ระยะ </strong><strong>2 Prehospital Care :</strong> หน่วยปฏิบัติจากรพช.ท่าสองยาง เข้าจัดการเหตุตามหลัก CSCATTT ร่วมกับประเมินทรัพยากรโดยคำนึงถึงเวลาที่ใช้ร่วมด้วยเป็นระยะ</p> <p> <strong>ระยะ </strong><strong>3 In-Hospital Care :</strong> รพช.ท่าสองยางดูแลผู้บาดเจ็บตามแผนตอบโต้อุบัติภัยหมู่เดิมของตน อย่างไรก็ดีพบภาวะคอขวดอยู่ที่ 1.ผู้บาดเจ็บวิกฤติ ขณะรอส่งต่อยังแย่งใช้ทรัพยากรร่วมกับผู้บาดเจ็บอื่น 2.รถพยาบาล ถูกใช้ทั้งระยะก่อนถึงโรงพยาบาลและระยะส่งต่อ ทั้งหมดจำต้องโยกย้ายทรัพยากรจากหน่วยบริการอื่นมาช่วยเหลือ</p> <p> <strong>ระยะ </strong><strong>4 Interfacility Transfer : </strong>หน่วยบริการปลายทางเตรียมความพร้อม และกระชับระบบส่งต่อให้เข้ากับสถานการณ์</p> <p> ผลการรักษา มีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาจำนวน 11 ราย คัดกรองสีแดง 4 ราย สีเหลือง 3 ราย และสีเขียว 4 ราย ได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ 3 ราย ท่อระบายลม 1 ราย เข้ารับการผ่าตัด 5 ราย ได้นอนโรงพยาบาลทั้งสิ้น 7 ราย ทั้งหมดสามารถจำหน่่ายกลับบ้านในเวลาต่อมา</p> <p> </p> <p><strong>คำสำคัญ</strong>: ภัยพิบัติ, อุบัติเหตุหมู่, อุบัติภัยหมู่, ตากตะวันตก</p>
2020-12-16T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2021 วารสารวิชาการ การแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
https://he01.tci-thaijo.org/index.php/cdj/article/view/246950
นวัตกรรมหุ่นจำลองเสมือนจริงรุ่น Chiang Mai Manikin สำหรับการสอนการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน
2021-01-14T14:35:41+07:00
Krongkarn Sutham
kkrongkarn@gmail.com
Wiput Laosuksri
wwiput@gmail.com
Borwon Wittayachamnankul
bbowon@gmail.com
Boriboon Chenthanakij
bbboriboon@gmail.com
Wetchayan Rangsri
wwetchayan@gmail.com
Radom Pongvuthitham
rradom@gmail.com
Thawan Sucharitakul
tthawan@gmail.com
Chaiy Rungsiyakull
cchaiy@gmail.com
Navadon Khunlertgit
nnavadon@gmail.com
<p style="margin: 0in;"><strong><span lang="TH" style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH Sarabun New',sans-serif;">บทคัดย่อ </span></strong></p> <p style="margin: 0in; text-align: justify; text-justify: inter-cluster;"><span lang="TH" style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH Sarabun New',sans-serif;">การอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานแก่ประชาชนทั่วไปในประเทศไทยยังมีข้อจำกัดเรื่องหุ่นฝึกที่สามารถแสดงประสิทธิภาพการช่วยชีวิต</span><span style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH Sarabun New',sans-serif;"> (Cardiopulmonary resuscitation; CPR) <span lang="TH">ได้ คณะผู้วิจัยจึงได้ผลิตอุปกรณ์ดังกล่าวชื่อ </span>Chiang Mai Manikin <span lang="TH">เพื่อแก้ไขข้อจำกัดนี้และอุปกรณ์ดังกล่าวจะต้องมีประสิทธิภาพในการสอนการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานตามมาตรฐาน <strong>วิธีการศึกษา:</strong> เป็นงานวิจัยนวัตกรรมสร้างสิ่งประดิษฐ์หุ่นฝึกการช่วยชีวิตที่แสดงประสิทธิภาพการ </span>CPR <span lang="TH">รุ่น </span>Chiang Mai Manikin <span lang="TH">สำหรับการสอนการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยการวิเคราะห์เครื่องมือและอุปกรณ์ หลักฐานทางการแพทย์เชิงประจักษ์รวมทั้งประสบการณ์ของผู้วิจัยเพื่อให้ได้หุ่นฝึกการช่วยชีวิตที่แสดงประสิทธิภาพการ </span>CPR <span lang="TH">โดยได้รับการประเมินประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญในการสอนการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานในระดับชาติ จำนวน 5 ท่าน ประกอบด้วยอายุรแพทย์โรคหัวใจ วิสัญญีแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน <strong>ผลการศึกษา:</strong> ได้หุ่น </span>Chiang Mai Manikin <span lang="TH">ที่มีคุณสมบัติพื้นฐานตามที่กำหนดและมีคุณสมบัติเพิ่มเติมที่สำคัญคือสามารถรับ-ส่งสัญญาณระยะเวลาในการช่วยหายใจและสามารถรับ-ส่งสัญญาณตำแหน่งของแผ่นแปะนำไฟฟ้าจำลองได้ มีผลการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน ดังนี้ การประเมินคุณสมบัติของเครื่องคณะผู้เชี่ยวชาญให้ผลที่สอดคล้องกันของการประเมินว่าใช้งานได้จริง (</span>Kappa = <span lang="TH">0.94) ค่ามัธยฐานของการประเมินความรู้สึกใกล้เคียงกับการช่วยชีวิตจริงคือ 37 คะแนน (พิสัยควอไทล์ 34-40) คิดเป็นร้อยละ 92.5 โดยมีความสอดคล้องกันของการให้คะแนน (</span>Intraclass correlation = <span lang="TH">0.79 (95%</span>CI <span lang="TH">0.19-0.98)</span>, <em>p</em> = <span lang="TH">0.01) <strong>สรุป:</strong> สามารถผลิตหุ่นฝึกจำลอง </span>Chiang Mai Manikin <span lang="TH">ได้สำเร็จ และสามารถนำไปใช้ฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานได้จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน</span></span></p> <p style="margin: 0in;"><strong><span lang="TH" style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH Sarabun New',sans-serif;">คำสำคัญ:</span></strong><span lang="TH" style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH Sarabun New',sans-serif;"> การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน การอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน หุ่นฝึกการช่วยชีวิต หุ่นจำลองเสมือนจริง </span></p>
2020-12-16T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2021 วารสารวิชาการ การแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
https://he01.tci-thaijo.org/index.php/cdj/article/view/246952
ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการใส่ชุดอุปกรณ์จำกัดการเคลื่อนไหวของแนวกระดูกสันหลังอย่างถูกต้องเหมาะสม ขณะถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยทีมอาสาฉุกเฉินการแพทย์ (อฉพ.) หรือ พนักงานฉุกเฉินการแพทย์ (พฉพ.)
2021-01-14T14:35:42+07:00
Fasai Rattanaburee
ffasai@gmail.com
Phummarin Saelim
phummarin.sae@cra.ac.th
Jutarat Jorarat
jjutarat@gmail.com
<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p> สภาพปัญหา การจำกัดการเคลื่อนไหวของแนวกระดูกสันหลังอย่างถูกต้องในผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บขณะนำส่งโรงพยาบาลมีความสำคัญต่อการป้องกันการบาดเจ็บของระบบประสาทไขสันหลัง</p> <p>วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบหาสาเหตุ และปัจจัยที่ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่ถูกนำส่งโดยหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินระดับพื้นฐานไม่ได้รับการจำกัดแนวกระดูกสันหลังอย่างถูกต้อง</p> <p>วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบไปหน้า ระหว่างวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2562 ถึง 20 พฤศจิกายน</p> <p>พ.ศ.2562 ในผู้ป่วยเชื้อชาติไทยที่อายุมากกว่า 18 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บ และถูกนำส่งโดยหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินระดับพื้นฐานที่ถูกนำส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยการทำแบบสอบถามโดยพยาบาลคัดกรอง และแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน และทบทวนเวชระเบียน</p> <p>ผลการวิจัย มีผู้ป่วยในการศึกษาทั้งหมด 428 ราย โดยมีเพียงร้อยละ 25 ที่ได้รับการใส่อุปกรณ์จำกัดการเคลื่อนไหวของแนวกระดูกสันหลังได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นผู้ป่วยอีเอสไอระดับ 3-5 ร้อยละ 85.5 โดยเป็นอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ร้อยละ 65 และปัจจัยหลักที่ผู้ป่วยไม่ได้รับการใส่อุปกรณ์ คือ ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการบาดเจ็บของแนวกระดูกสันหลังร้อยละ 44.4 นอกจากนี้ยังพบว่ามีปัจจัยด้านอื่นที่ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการใส่อุปกรณ์ เช่น ระดับอีเอสไอที่ 3-5 เมื่อเทียบกับระดับที่ 1-2 (OR 3.75, p ≤ 0.001, 95%CI 2.15,6.65)</p> <p>สรุป นอกจากสาเหตุและปัจจัยที่ผู้วิจัยได้ตั้งสมมติฐาน แล้วยังมีปัจจัยด้านอื่นๆที่พบจากการทำการศึกษา คือ ระดับอีเอสไอ สาเหตุการบาดเจ็บ และประวัติดื่มสุรา</p> <p><strong>คำสำคัญ </strong>Spinal motion restriction EMS personnel Prehospital</p>
2020-12-16T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2021 วารสารวิชาการ การแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
https://he01.tci-thaijo.org/index.php/cdj/article/view/244728
ปัจจัยที่มีผลต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เรียกใช้บริการระบบการแพทย์ฉุกเฉินในอำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
2021-01-14T14:35:43+07:00
Noppadon Seesuwan
noppadon_kim@yahoo.com
<p>ความเป็นมา: ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) คือระบบการบริหารจัดการทางการแพทย์เพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างทันท่วงทีก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ควรทราบถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เรียกใช้บริการ เพื่อที่จะลดอัตราการเสียชีวิตและใช้เป็นแนวทางในพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่</p> <p>วัตถุประสงค์: ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เรียกใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินในอำเภอเมือง จังหวัดลำปางเพื่อวางแผนในการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินต่อไป</p> <p>วิธีการศึกษา: ศึกษาย้อนหลังตั้งแต่ 1 มกราคม 2554- 31 ธันวาคม 2562 เก็บข้อมูลจำนวนผู้ป่วย เพศ อายุ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ รหัสสั่งออกเหตุ ระยะทางและช่วงเวลาในการรักษา เปรียบเทียบลักษณะพื้นฐานจำแนกตามการเสียชีวิต วิเคราะห์โดยใช้ Generalize linear model กำหนดนัยสำคัญที่ p-value < 0.05</p> <p>ผลการศึกษา:ผู้ป่วยที่ใช้บริการจำนวน 41,284 ราย เสียชีวิต 1998 ราย (ร้อยละ 5.2) ปัจจัยที่มีผลต่อการเสียชีวิตได้แก่ เพศชาย (RR 1.25; 95% CI 1.11-1.39 p=0.000) อายุ ≥ 50 ปี (RR 1.50; 95% CI 1.29-1.74 p=0.000) เวรบ่าย (RR 1.18; 95% CI 1.04-1.32 p=0.008) เวรดึก (RR 1.24; 95%CI 1.06-1.44 p=0.005) คัดแยกทางโทรศัพท์เป็นสีแดง (RR 5.54; 95% CI 2.07-14.87 p=0.001) รหัสการออกเหตุรหัสที่ 4 (RR 1.98;95% CI 1.36-2.90 p=0.000) รหัสที่ 5 (RR 1.96; 95% CI 1.47-2.60 p=0.000) รหัสที่ 6 (RR 10.45; 95% CI 6.65-16.42 p=0.000) รหัสที่ 17 (RR 1.70; 95% CI 1.29-2.24 p=0.000) รหัสที่ 19 (RR 3.23; 95% CI 2.44-4.28 p=0.000) และรหัสที่ 23 (RR 4.25; 95% CI 1.53-11.82 p=0.006)</p> <p>สรุป: บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานการแพทย์ฉุกเฉินควรพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยในกลุ่มที่มีปัจจัยดังกล่าว เพื่อที่จะลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ใช้บริการต่อไป</p>
2020-12-16T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2021 วารสารวิชาการ การแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์