การพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลของห้องปฏิบัติการมีชีวิตเสมือนจริง
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การเรียนการสอนสาขาพยาบาลศาสตร์ในยุคศตวรรษที่ 21 เน้นให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติเพื่อเรียนรู้จากสถานการณ์จริง การใช้เทคโนโลยีมาจัดการเรียนการสอนจะช่วยให้นักศึกษาเพิ่มพูนทักษะการคิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาในการปฏิบัติการพยาบาล วิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อออกแบบและพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลของห้องปฏิบัติการมีชีวิตเสมือนจริง 2) ประเมินประสิทธิภาพระบบการจัดการข้อมูลของห้องปฏิบัติการมีชีวิตเสมือนจริง และ 3) ประเมินความพึงพอใจระบบการจัดการข้อมูลของห้องปฏิบัติการมีชีวิตเสมือนจริง กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการวิจัย คือ ระบบการจัดการข้อมูลห้องปฏิบัติการมีชีวิตเสมือนจริง สร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี 2) เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลที่พัฒนาขึ้นจากการทบทวนวรรณกรรม ผ่านการตรวจสอบความตรงจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน แบบประเมินประสิทธิภาพของระบบการจัดการข้อมูลของห้องปฏิบัติการมีชีวิตเสมือนจริง มีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา (CVI) =1.0 หาความเชื่อมั่นค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคได้ .85 แบบประเมินความพึงพอใจต่อระบบการจัดการข้อมูลของห้องปฏิบัติการมีชีวิตเสมือนจริง ได้ CVI= 1.0 หาความเชื่อมั่นได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค = .95 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า 1) ประสิทธิภาพระบบการจัดการข้อมูลของห้องปฏิบัติการมีชีวิตเสมือนจริงภาพรวมอยู่ในระดับมาก (Mean = 3.83, SD. = 0.72) 2) ความพึงพอใจต่อระบบการจัดการข้อมูลของห้องปฏิบัติการมีชีวิตเสมือนจริงภาพรวม อยู่ในระดับมาก (Mean = 3.79, SD. = 0.82) สรุปผลวิจัย การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการเรียนการสอน เป็นการยกระดับการเรียนรู้ตามสถานการณ์จริงของนักศึกษาพยาบาลในยุคการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติการพยาบาล
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Calantone, R.J. , & Zhao, Y.S. (2000). Joint Ventures in
China: A Comparative Study of Japanese,
Korean, and U.S.Partners. Journal of International
Marketing, 9(1),1-23.
Faculty of Nursing Shinawatra University. (2019).
Internal education quality assessment report at
the Faculty level for the academic year 2019. [In
Thai].
Kanjanawasee, S. (2016). Research and Development
for Thai Education. Silpakorn Educational
Research Journal, 8(2), 1-18. [In Thai].
Kunaviktikul, W. (2015) Teaching and learning in the
discipline of nursing in the 21st century. Nursing
Journal, 42(2),152-156.[In Thai].
Nursing Council. (2017). Regulations of the Nursing
Council. Retrieved 30 April 2021 from https://
www.tnmc.or.th/news/123.
Pitsachart, N., & Leelakaiwan, J. (2018). Learning model.
Journal of nursing and healthSuan Sunandha
Rajabhat University, 1(1), 57-62. [In Thai].
Sri Sa-ard, B &Nilkaew, B. (2011). Reference of the
Population when Using the Scale Tool estimated
with a sample. Journal of Educational
Measurement Maha Sarakham Srinakharinwirot
University. 3 (1): 22-25. [In Thai].
Tantirachanawong S. (2017). Directions for Educational
Management in the 21st Century. Veridian
E-Journal, Silpakorn University, 10(2), 2843-
[In Thai].
Thathong,B., Sritharapiphat, P., & Kaewkeaw. B. (2019).
Study the results of teaching and learning
management by applying the LINE application.
On learning outcomes and satisfaction of the
Bachelor of nursing students. In the course of
nursing care for persons with health problems 1,
Boromarajonani College of Nursing, Chainat.
Journal of Boromarajonani College of Nursing,
Uttaradit, 11 (1), 155-167. [In Thai].
Trinont, P., Thienthong, S., Bunlom, T., Wanchai, C.,
Bunbanchong, C., Phonthep, Y., Pholsa-Saen, D.
(2019). The results of the use of learning
materials, applications to develop knowledge and
basic resuscitation skills for high school students.
Journal of Nursing and Health Care, 37 (3),
-105. [In Thai].
