ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านไทย กรณีศึกษา: อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

Main Article Content

Thatchakorn Sriraroen
Wichai Chokwiwat

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อศึกษาองค์ความรู้ ภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้านไทยและ เพื่อศึกษาเหตุผลและผลการมารับบริการกับหมอพื้นบ้านไทยของประชาชน ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ วิธีดำเนินการวิจัยโดยการสังเกตอย่างมีส่วนร่วมและการสัมภาษณ์เชิงลึก ประชากร ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ หมอพื้นบ้านไทย จำนวน 10 คนและผู้รับบริการกับหมอพื้นบ้านไทย จำนวน 30 คน ใช้แบบสัมภาษณ์ข้อมูลเชิงลึกเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงโดยการ หาค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา มีค่าความตรงเท่ากับ 0.82 และผ่านการตรวจสอบความเที่ยงโดยหาค่า สัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.89 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) หมอพื้นบ้านไทยในอำเภอเมืองสมุทรปราการ มีจำนวน 10 คน ส่วนใหญ่อยู่ในวัยสูงอายุ เพศหญิง และชายใกล้เคียงกัน ประสบการณ์การรักษาคนไข้ไม่ต่ำกว่า 10 ปี มูลเหตุจูงใจในการเป็นหมอพื้นบ้าน คือการที่มีบรรพบุรุษเป็นหมอพื้นบ้าน กระบวนการรักษาของหมอพื้นบ้านเป็นแบบผสมผสาน โดยใช้การ รักษาด้วยยาสมุนไพรร่วมกับการบริกรรมคาถาเป่าและการรักษาด้วยวิธีอื่น ได้แก่ การใช้ยาสมุนไพรเดี่ยว/ ตำรับ การใช้น้ำมัน การนวด การดูแลมารดาหลังคลอด การบ่งต้อ วิธีการรักษาโรคของหมอพื้นบ้านจะเริ่ม จากการซักประวัติ การสังเกตลักษณะบุคลิกของคนไข้ ตรวจร่างกายด้วยการดู สัมผัสตำแหน่งที่มีอาการ การวินิจฉัยโรค การตั้งคาย การลงมือรักษา การให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนระหว่างรักษาและการปลงคาย หลังจากการรักษาคนไข้หายแล้ว หมอพื้นบ้านไม่ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับศิษย์ ความรู้ของหมอพื้นบ้าน ไม่มีการจดบันทึก ส่วนใหญ่จะบันทึกไว้ในความทรงจำ 2) เหตุผลที่ประชาชนเลือกเข้ารับบริการกับหมอพื้นบ้านไทย คือ เข้ารับการรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน แล้วไม่หาย ได้รับการบอกต่อจากคนรอบข้างว่าเข้ารับการรักษากับหมอพื้นบ้านไทยแล้วหาย ผลการรักษา กับหมอพื้นบ้านไทยพบว่าส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้นมาก คิดเป็นร้อยละ 86.7 ความพึงพอใจในการเข้ารับบริการ กับหมอพื้นบ้านไทย พบว่าผู้เข้ารับบริการกับหมอพื้นบ้านไทยโดยรวมมีความพึงพอใจต่อการให้บริการของ หมอพื้นบ้านไทยอยู่ในระดับมาก ( = 4.32) การวิจัยครั้งนี้จะเห็นว่าภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้านไทยมีรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นศาสตร์ที่อาศัย ความเชื่อ ความศรัทธาในตัวหมอพื้นบ้าน มีการดูแลรักษาทั้งด้านร่างกายและจิตใจควบคู่กันไป แต่ทว่า องค์ความรู้ดังกล่าวไม่มีการบันทึกข้อมูลเก็บไว้ อาจทำให้องค์ความรู้สูญสิ้นไปพร้อมกับหมอพื้นบ้าน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านไทยคงเสื่อมคุณค่าและสูญสิ้นไปในที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
Sriraroen, T., & Chokwiwat, W. (2019). ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านไทย กรณีศึกษา: อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ. NU Journal of Nursing and Health Sciences, 12(4), 88–99. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/NurseNu/article/view/178747
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กัณฑ์วีร์ วิวัฒน์พานิช และขวัญจิต ศศิวงศาโรจน์.
(2554).“หน่วยที่ 3 ความเชื่อกับการดูแลสุขภาพ”
ใน เอกสารการสอน ชุดวิชาสังคมวิทยาและ
มนุษย์วิทยาการแพทย์. นนทบุรี: มหาวิทยาลัย
สุโขทัยธรรมาธิราช.
ธรณัส ทองชูช่วย, กิตติ ตันไทย และจักรกริช
อนันตศรัณย์. (2556). ภูมิปัญญาของหมอพื้น
บ้านในด้านใช้สมุนไพรในการ รักษาโรคของ
อำเภอกล่ำ จังหวัดสงขลา. ใน การประชุม
หาดใหญ่วิชาการครั้งที่ 4 เรื่องการวิจัยเพื่อ
พัฒนาสังคมไทย. สงขลา: สำนักวิจัยและพัฒนา
มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.
ปัทมานันท์ หินวิเศษ. (2550). หมอพื้นบ้านกับการ
รักษาผู้ป่วยด้วยสมุนไพร:กรณีศึกษาตำบล
ขามป้อม อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น.
วิทยานิพนธ์ ศศ.ม., มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย, เลย.
ปิยนุช ยอดสมสวย และสุพิมพ์ วงศ์ทองแท้. (2556). การ
ศึกษาภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้านในอำเภอ
องครักษ์ จังหวัดนครนายก. นครนายก:
คณะหสเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์
แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. (2560). ขั้นตอน
การวิจัยการแพทย์แผนไทย “ข้อเสนอและ
สถานการณ์การวิจัยด้านการแพทย์แผนไทย”.
กรุงเทพฯ: ร้านพุ่มทอง.
สุภาพร วิสุงเร. (2557). การศึกษาภูมิปัญญาของ
หมอพื้นบ้านในอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์.
เพชรบูรณ์: คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์.
สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสมุทรปราการ. (2559).
รายงานประจำปีงบประมาณ 2559 สำนักงาน
สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ. สมุทรปราการ:
สำนักงานฯ.