ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการปฏิบัติสมาธิเคลื่อนไหวไทยชี่กง 7 ต่อความดันโลหิตของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง

Main Article Content

Chonthicha Jubklay
Supaporn Naewbood
Chommanard Wannapornsiri

บทคัดย่อ

การวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ ระดับความดันโลหิตของกลุ่มทดลองก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการปฏิบัติ สมาธิเคลื่อนไหวไทยชี่กง SKT 7 และเปรียบเทียบระดับความดันโลหิตของกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม หลังได้รับโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการปฏิบัติสมาธิเคลื่อนไหวไทยชี่กง SKT 7 กลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง มีอายุ 35-59 ปี คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เป็นกลุ่มทดลอง และ กลุ่มควบคุม กลุ่มละ 30 คน และจับคู่กลุ่มตัวอย่างในด้าน เพศ อายุ และระดับความดันโลหิต กลุ่มทดลอง ได้เข้าร่วมโปรแกรม เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา Dependent t-test และ Independent t-test ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยความดันโลหิตซิสโตลิค และค่าเฉลี่ยความดันโลหิตไดแอสโตลิ ค หลังการทดลอง ต่ำกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) ส่วนค่าเฉลี่ยความดันโลหิต ซิสโตลิค และค่าเฉลี่ยความดันโลหิตไดแอสโตลิคของกลุ่มทดลอง หลังการทดลอง ต่ำกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p = .001 และ p < .05 ตามลำดับ)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
Jubklay, C., Naewbood, S., & Wannapornsiri, C. (2018). ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการปฏิบัติสมาธิเคลื่อนไหวไทยชี่กง 7 ต่อความดันโลหิตของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง. NU Journal of Nursing and Health Sciences, 11(3), 61–69. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/NurseNu/article/view/113067
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ช่อทิพย์ บรมธนรัตน์. (2556). ลดน้ำหนัก ลดความดัน
โลหิตสูง. จุลสารสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
ออนไลน์, 4. สืบค้นเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2559, จาก
http://www.stou.ac.th/Schools/Shs/booklet/
book56_4/health.html.
ธิติสุดา สมเวที. (2554). ผลของการปฏิบัติสมาธิ
เคลื่อนไหวไทยชี่กงต่อความดันโลหิตในผู้สูงอายุ
โรคความดันโลหิตสูง. วารสารพยาบาลสาร,
38(4), 81-92.
ปริวัตร เพ็งแก้ว. (2555). การรักษาความดันโลหิตสูง.
ใน ใยวรรณ ธนะมัย สมเกียรติ โพธิสัตย ์ สิทธิชัย
อาชายินดี สุรีพร คนละเอียด (บรรณาธิการ), คู่มือ
การให้ความรู้เพื่อจัดการภาวะความดันโลหิตสูง
ด้วยตนเอง. (หน้า 29 - 34). กรุงเทพฯ : องค์การ
สงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
พานทิพย์ แสงประเสริฐ. (2550). ความดันโลหิตสูงกับ
การออกกำลังกาย : บทบาทของพยาบาล.
วารสารพยาบาล, 56(1-2),1-13.
ภานุวัฒน์ ปานเกตุ. (1 พฤษภาคม 2557). คนไทยป่วย
ความดันโลหิตสูง 11 ล้าน. สืบค้นเมื่อ 1 เมษายน
2558, จาก http://www.thaihealth.or.th/microsite/
content/5/ncds/181/24127.
วัลลภ พรเรืองวงศ์. (5 สิงหาคม 2555). 10 วิธีป้องกัน
โรคความดันโลหิตสูง. สืบค้นเมื่อ 11 เม.ย.
2558, จาก http://www.health/topic_detail.
php?mtopic_id=973&sub_id=56&ref_main_id=15.
ศุภวรรณ มโนสุนทร. (2555). รายงานการพยากรณ์
โรคความดันโลหิตสูง.สืบค้นเมื่อ 2 กุมภาพันธ์
2558, จาก www.interfetpthailand.net/forecast/
files/.../report_2012_11_no01.pdf.
สมพร กันทรดุษฎี-เตรียมชัยศรี. (2551). การปฏิบัติสมา
ธิเพื่อการเยียวยาสุขภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 8).
กรุงเทพฯ : องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
สำนักการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข. (2552).
พุทธธรรมบำบัด. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ:
โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย. (2557). รายงาน
ประจำปี. สุโขทัย : สำนักงานสาธารณสุข
จังหวัดสุโขทัย.
สำนักงานสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ กระทรวง
สาธารณสุข. (17 พฤษภาคม 2557). สธ. เผยภัย
“โรคความดันโลหิตสูง”คนไทยป่วยเกือบ
11 ล้านคน ในปี 2556 พบผู้ป่วยรายใหม่เกือบ
แสนคน. สืบค้นเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2557,
จากhttp://pr.moph.go.th/iprg/include/admin_
hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=65451
สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข. (2554).
รายงานการเฝ้าระวังโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ประจำปี
2554. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา
ประจำสัปดาห์ 2556, 44, 145-152.
Joint National Committee. (2003). The Seventh Report
of The Joint National Committee on Prevention,
Detection, Evaluation, and Treatment of High
Blood Pressure. Retrieved December 14, 2014,
from http//www.nhlbi.nih.gov/files/docs/
guidelines/jnc7full.pdf
Pender, N.J., Murdaugh, C.L. & Parsons, M.A. (2011).
Health Promotion in Nursing Practice. (6thed.).
New Jersey : Pearson Education, Inc.
The Eighth Joint National Committee 8 (JNC 8).
(December 18, 2013). 2014 Evidence-Based
Guideline For the Management of High
Blood Pressure. JAMA. Published online.
Retrieved September 15, 2014, from http://
jama.jamanetwork.com/article.aspx?articleid=
1791497
World Health Organization. (2013). Non-communicable
Diseases Country Profiles 2011. Retrieved
January 11, 2015, from http://www.who.int/nmh/
publications/ncd_profiles2011/en