การประเมินผลโครงการอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2013.19Keywords:
active and sustainable disease control district, assessmentAbstract
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลโครงการอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน อำเภอเขื่องในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง ใช้รูปแบบการประเมินผลซิปป์ (CIPP model) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 30 คน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 342 คน และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล 19 คน ที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน - 10 กรกฏาคม 2555 โดยใช้แบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลเป็นค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พบว่า (1) ด้านบริบท: โครงการนี้มีความจำเป็นต่อประชาชน (X=4.41, S.D.=0.9) และควรดำเนินการต่อไป (X=4.35, S.D.=0.6) (2) ด้านปัจจัยนำเข้า: บุคลากรด้านสาธารณสุขมีความรู้ (X=3.87, S.D.=0.8) และมีศักยภาพในการทำโครงการนี้ (X=3.79, S.D.=0.5) (3) ด้านกระบวนการดำเนินงาน: การรายงานการเกิดโรคที่สำคัญของพื้นที่และของประเทศตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลถึงโรงพยาบาลชุมชนมีความครอบคลุม ทันเวลา เหมาะสม (X=3.78, S.D.=0.6) และปฏิทินการรณรงค์การป้องกันควบคุมโรคที่เป็นปัญหาสุขภาพของพื้นที่ และที่เป็นนโยบายของประเทศมีความเหมาะสม (X=3.43, S.D.=0.7) (4) ด้านผลผลิตของโครงการ: อัตราป่วยโรคไข้เลือดออกลดลงร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี ผู้ป่วยวัณโรคปอดที่มีเสมหะพบเชื้อรายใหม่ทุกรายได้รับการกำกับการกินยาโดยพี่เลี้ยง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรืออาสาสมัครสาธารณสุขหรือแกนนำชุมชน ร้อยละ 97.37 ดังนั้นให้บุคลากรสาธารณสุขควรได้รับการส่งเสริมให้มีความรู้วิชาการในประเด็นการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ ต่อโครงการนี้ต่อไป
Downloads
References
2. Stufflebeam DL. Education evaluation and decisionmaking. New York: Raven Press; 1971.
3. Yamane T. Statistics: an introductory analysis.New York: Harper and Row; 1967.
4. จุฑารัตน์ ผาสุก, ธนวรรธน์ อิ่มสมบูรณ์. ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินงานของภาคีเครือข่ายสุขภาพ ในการป้องกันควบคุมโรค ตำบลหาดอาษา
อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท. วารสารควบคุมโรค2555; 38(3): 258-9.
5. กรมควบคุมโรคติดต่อ. โรคไข้เลือดออก. นนทบุรี:กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (เอกสารอัดสำเนา). 2544.
6. Becker M.H., and Mainman, L.A. the healthbelief model: origins and correction in psychological theory. healtheducation monograph
1974; 4(3): 336-53.
7. พิริยะ อนุกุล. การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออก: ศึกษาเฉพาะกรณี เทศบาลตำบลวังวิเศษ อำเภอวังวิเศษ
จังหวัดตรัง. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขายุทธศาสตร์การพัฒนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา. 2551.
8. สุพัฒน์ ปัญจมทุม, สกุลลักษณ์ ผากอง, และมานพทองตัน. การดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกของประชาชนอำเภอหนองแค
จังหวัดสระบุรี. วารสารควบคุมโรค 2547; 31(3):67-73.
9. วิโรจน์ ฤทธาธร. ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติในการดำเนินงาน ป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออกของเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลงในจังหวัดนครศรีธรรมราช. วิทยานิพนธ์ปริญญาพัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพัฒนาสังคมสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. 2543.
10. ทวีศักดิ์ วัดอุดม.การมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขในการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกกรณีศึกษา อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัด
สุพรรณบุรี. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต(พัฒนาสังคม) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. 2543.
11. เนรมิต จันทร์ทอง. การมีส่วนร่วมของประชาชนในการควบคุมและป้องกันโรคไข้เลือดออก:ศึกษาเฉพาะกรณี ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง
ยโสธร จังหวัดยโสธร. วิทยานิพนธ์ปริญญาพัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพัฒนาสังคมสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. 2540.
12. พลเกต อินตา. การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออก ศึกษากรณี: อบต.ขนาดใหญ่ในเขตอำเภอ เมืองเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2547.
13. ปาริชาติ วลัยเสถียร และคนอื่นๆ. กระบวนการและเทคนิคการทำงานของนักพัฒนา. กรุงเทพมหานคร:สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย; 2543.
14. ชินรัตน์ สมสืบ. การพัฒนาชนบท. ยะลา: วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา. (เอกสารอัดสำเนา). 2539.
15. Maslow. Motivation and personality. New York:Westriss Press; 1994.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Articles published in the Disease Control Journal are considered as academic work, research or analysis of the personal opinion of the authors, not the opinion of the Thailand Department of Disease Control or editorial team. The authors must be responsible for their articles.