รายงานการสอบสวนการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด A สายพันธุ์ H3 ในค่ายทหารแห่งหนึ่ง จังหวัดนครปฐม กรกฎาคม 2560
DOI:
https://doi.org/10.14456/dcj.2018.22คำสำคัญ:
โรคไข้หวัดใหญ่, ทหารบทคัดย่อ
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 เวลา 09.00น. กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ได้รับแจ้งจากกลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลนครปฐม ว่า พบผู้ป่วยสงสัยโรคไข้หวัดใหญ่ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครปฐม เป็นผู้ป่วยนอกจำนวนหลายราย มีอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะ จึงได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้น พบเป็นทหารเกณฑ์ในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม จำนวนประมาณ 10 ราย และกำลังทยอยมารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครปฐมเพิ่มเติม ทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT นครปฐม) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กำหนดนิยาม ประชุมเตรียมความพร้อม และลงพื้นที่เพื่อดำเนินการสอบสวนโรค ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 เวลา 10.00 น. มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันการระบาดของโรค หาสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงของการระบาด อธิบายการกระจายของโรค และเพื่อดำเนินการควบคุมและป้องกันโรค วิธีการศึกษาคือ การศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนา (descriptive study) และการศึกษาระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ (retrospective cohort study) ผลการศึกษา พบผู้ป่วยเข้าได้กับนิยามเป็นทหารเกณฑ์ จำนวน 73 ราย คิดเป็นอัตราป่วยร้อยละ 28.00 (จำนวนทหารเกณฑ์ทั้งหมด 260 นาย) หรือคิดเป็นร้อยละ 9.90 ของทหารทั้งหมดในค่าย (จำนวน 732 นาย) ไม่มีผู้ป่วยนอนรักษาที่โรงพยาบาล ทีม SRRT นครปฐมมีการทดสอบ influenza rapid diagnostic tests จำนวน 8 ราย ใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง (purposive sampling) เฉพาะรายที่ให้ผลบวก สุ่มทำ nasopharyngeal swab เพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ด้วยวิธี real-time RT-PCR จำนวน 5 ราย ผลยืนยันทั้งหมดพบสารพันธุกรรม influenza A สายพันธุ์ H3 ลักษณะการกระจายตามเวลา พบผู้ป่วยในการระบาดครั้งนี้ในช่วงระยะเวลา 23-29 กรกฎาคม 2560 โดยผู้ป่วยเริ่มมีอาการครั้งแรกในวันที่ 23 กรกฎาคม 2560 จำนวน 1 ราย และพบผู้ป่วยมากที่สุดในวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 จากการสอบถามผู้ป่วยรายแรกเป็นทหารเกณฑ์ที่กลับจากบ้านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 9-20 กรกฎาคม 2560 เริ่มป่วยวันแรกในวันที่ 23 กรกฎาคม 2560 มีอาการไข้ ปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอและคัดจมูก จากการสอบถามข้อมูล ไม่พบประวัติการสัมผัสกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ จากการศึกษาระบาดวิทยาเชิงพรรณนา ทราบประวัติพฤติกรรมของกลุ่มผู้ป่วยทหาร จึงได้ทำการศึกษาระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ แบบ retrospective cohort study ผลพบการสัมผัสปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่มากที่สุดคือ การใช้แก้วน้ำร่วมกัน มากกว่าผู้ที่ไม่ใช่แก้วน้ำร่วมกันเป็น 2.70 เท่า (RRadj 2.70, 95% confidence interval (1.46-5.20), p=0.002) และจากการสัมภาษณ์ของครูฝึก และทหารเกณฑ์ที่ป่วยเบื้องต้น พบมีกิจกรรมหลัก 2 กิจกรรม โดยผู้ให้ข้อมูลได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ภายนอกค่ายทหาร ทีมสอบสวน จึงได้ศึกษาระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ต่อ พบกิจกรรมการออกนอกค่ายทหาร (การขุดลอกคลองผักตบชวา) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมนี้ 2.03 เท่า (RRadj 2.04, 95% confidence interval (1.01-4.07), p=0.04) จากการสอบถามพบรายละเอียดในกิจกรรมมีความเสี่ยงที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดการระบาดขึ้น เนื่องจากมีประวัติการดื่มน้ำร่วมกัน โดยใช้แก้วร่วมกันในกลุ่มทหารเกณฑ์เพียง 3-4 ใบ อาจเป็นสาเหตุแรกของการแพร่กระจายโรคไข้หวัดใหญ่ในครั้งนี้ มาตรการควบคุมโรคของทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็วของจังหวัดนครปฐม ได้ประสานทางโรงพยาบาลนครปฐมเพื่อรับยา oseltamivir ให้กับผู้ป่วย ทุกราย ตลอดจนร่วมนำเสนอแนวทางการควบคุมโรคกับค่ายทหาร ได้แก่ มาตรการทำความสะอาดเรือนนอน โรงอาหาร แยกช้อน แก้วน้ำ ของใช้ส่วนตัว มีจุดสำหรับบริการล้างมือด้วยน้ำและสบู่ จัดหาแอลกอฮอล์เจล 70% จัดทำอ่างล้างมือ มีการแยกเรือนนอน และห้องน้ำในกลุ่มผู้ป่วย และได้เสนอมาตรการที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ การประสานผู้บัญชาการของหน่วยฝึกทหารใหม่ให้ชะลอการแยกหน่วยของทหารเกณฑ์ เพื่อขึ้นไปประจำยังกองร้อยต่าง ๆ ไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ จากการเฝ้าระวังโรคจากผู้ป่วยรายสุดท้าย ไป 2 เท่า ของระยะฟักตัว สิ้นสุดในวันที่ 6 สิงหาคม 2560 ไม่พบผู้ป่วยเพิ่มเติม ถือเป็นการสิ้นสุดการระบาดในครั้งนี้
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. กรมควบคุมโรค. หนังสือชุดความรู้โรคและภัยสุขภาพ รู้กันทันโรค. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ; 2559.
3. Centers for Disease Control and Prevention. Flu symptoms & complications [Internet}. [cited 2017 Aug 21]. Available from: https://www.cdc.gov/flu/consumer/symptoms.htm
4. สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่. แนวทางการให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ oseltamivir [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [สืบค้นเมื่อ 21 ส.ค. 2560]. แหล่งข้อมูล: https://beid.ddc.moph.go.th/beid_2014/sites/default/files/flu_ssj_270260.PDF
5. Centers for Disease Control and Prevention. Interim guidance for cleaning International Port of Entry (IPOE) detention facilities when pandemic influenza is suspected in a detainee or staff member [Internet]. [cited 2017 Aug 22]. Available from: https://www.cdc.gov/flu/pandemic-resources/archived/cleaning-port.html
6. สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย. โรคที่มากับฤดูหนาว ตอนที่ 1 : ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่[อินเทอร์เน็ต]. 2561 [สืบค้นเมื่อ 22 มี.ค. 2561]. แหล่งข้อมูล: https://www.pidst.net/A289.mobile
7. อภิชิต สถาวรวิวัฒน์, ภันทิลา ทวีวิกยการ, ไพศิลป์ เล็กเจริญ, โรม บัวทอง, วีรพร จินดาพรหม, นิตยา ช้างสาน, และคณะ. การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด A H3N2 ในกองพันทหารแห่งหนึ่ง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดือนสิงหาคม 2557. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ 2559;47:81-3.
8. อภิญญา ดวงสิน, อนุพงศ์สิริรุ่งเรือง, สุภาภรณ์มิตรภานนท์. การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H1N1 (2009) ในกองพันฝึกทหารใหม่ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง จังหวัดร้อยเอ็ด เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2557. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ 2559;46:497-503.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารควบคุมโรค ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของกรมควบคุมโรค ประเทศไทย หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน


