วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน https://he01.tci-thaijo.org/index.php/CUTJ <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน รับพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัย (Research Articles) และบทความวิชาการ (Academic Articles) ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์การอาหาร วิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งสหสาขาวิชา ด้านการบริหารจัดการ การบัญชี และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง</p> มหาวิทยาลัยคริสเตียน th-TH วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน 1685-1412 แนวทางการพัฒนาองค์ประกอบแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบสนองพฤติกรรม นักท่องเที่ยวสูงวัย: กรณีศึกษาอำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี https://he01.tci-thaijo.org/index.php/CUTJ/article/view/279528 <p>การวิจัยเชิงปริมาณครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาข้อมูลเชิงสุขภาพและพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวสูงวัยในเขตอำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี (2) ศึกษาความต้องการองค์ประกอบแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวสูงวัย และ (3) เสนอแนวทางการพัฒนาองค์ประกอบแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมและความต้องการดังกล่าว กลุ่มตัวอย่างคือนักท่องเที่ยวสูงวัยชาวไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 400 คน ใช้การสุ่มแบบบังเอิญ เครื่องมือวิจัยคือแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า (1) นักท่องเที่ยวสูงวัยมีโรคประจำตัวร้อยละ 48.10 โดยมากเป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่ส่วนใหญ่มองว่าไม่เป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยว มีพฤติกรรมเลือกการท่องเที่ยวรูปแบบภูเขาและชมธรรมชาติมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 28.50 และนิยมเลือกที่พักแบบโรงแรมและรีสอร์ทมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 50.00 (2) ความต้องการองค์ประกอบแหล่งท่องเที่ยวอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านกิจกรรม (M = 4.50) รองลงมาคือ ด้านการให้บริการ (M = 4.41) และด้านที่พัก (M = 4.36) และ (3) แนวทางการพัฒนาองค์ประกอบ ได้แก่ การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกทางสุขภาพ การออกแบบพื้นที่ตามแนวคิดอารยสถาปัตยกรรม และการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับสมรรถภาพของผู้สูงวัย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้รองรับสังคมสูงวัยได้อย่างยั่งยืน</p> สมลักษณ์ บุญณรงค์ การุณย์ อินทวาส มณีรัตน์ สุขเกษม วงเดือน จันทร์พงษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยคริสเตียน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-11 2025-12-11 31 4 1 19 การพัฒนาการจัดการด้านโลจิสติกส์สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเนื้อในเขตพื้นที่ปศุสัตว์ เขต 7 https://he01.tci-thaijo.org/index.php/CUTJ/article/view/279933 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการจัดการด้านโลจิสติกส์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเนื้อในเขตพื้นที่ปศุสัตว์ เขต 7 2) เพื่อวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพการจัดการด้านโลจิสติกส์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเนื้อในเขตพื้นที่ปศุสัตว์ เขต 7 และ 3) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดการด้านโลจิสติกส์สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเนื้อในเขตพื้นที่ปศุสัตว์ เขต 7 โดยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่างการวิจัยเชิงปริมาณ คือ เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเนื้อในเขตพื้นที่ปศุสัตว์ เขต 7 จำนวน 400 ราย สุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบที สถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ ประธานเครือข่ายและตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเนื้อ รวมทั้งสิ้น 9 ราย เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีเจาะจงโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกและวิเคราะห์ ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับผลการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดการโลจิสติกส์ขาเข้าและขาออกของเกษตรกรในภาพรวม ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.97 และ 3.75 ตามลำดับ ปัจจัยส่วนบุคคลด้านอายุ ระดับการศึกษา จำนวนแรงงาน พื้นที่เลี้ยงแพะเนื้อ (พื้นที่ตัวเอง) และจำนวนแพะเนื้อ มีอิทธิพลต่อการจัดการด้านโลจิสติกส์ของเกษตรกรอย่างมีนัยสำคัญ และการจัดการโลจิสติกส์ขาเข้าในด้านการวางแผนความต้องการวัตถุดิบ การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ การบรรจุภัณฑ์วัตถุดิบ และการจัดการคลังวัตถุดิบ มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญต่อการจัดการโลจิสติกส์ขาออกสามารถทำนายการผันแปรได้ร้อยละ 70.50 2) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพ พบว่าจุดแข็ง คือ แพะขยายพันธุ์เร็ว ใช้ต้นทุนน้อย จุดอ่อน คือ เกษตรกรขาดทักษะการจัดการฟาร์มเชิงธุรกิจและการเข้าถึงเทคโนโลยี โอกาส คือ ความต้องการบริโภคเนื้อแพะเพิ่มขึ้น และอุปสรรค คือ ต้นทุนอาหารสัตว์และข้อจำกัดทางกฎหมายเคลื่อนย้ายสัตว์ และ 3) จัดทำข้อเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดการด้านโลจิสติกส์สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเนื้อในเขตพื้นที่ปศุสัตว์ เขต 7 โดยการกำหนดกลยุทธ์ด้วยทาวซ์เมททริกซ์ จำนวน 16 กลยุทธ์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพของเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเนื้อในเขตพื้นที่ปศุสัตว์ เขต 7 ให้มีทักษะ การจัดการด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและรองรับการขยายตลาดแพะเนื้อในอนาคต</p> สุปรีชญา บุญมาก ณัฐวรรณ สมรรคจันทร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยคริสเตียน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-11 2025-12-11 31 4 20 38 ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมการป้องกันโรคของผู้สูงอายุที่มีภาวะก่อนเบาหวาน https://he01.tci-thaijo.org/index.php/CUTJ/article/view/280283 <p>การวิจัยแบบกึ่งทดลอง ชนิดสองกลุ่มเปรียบเทียบวัดผลก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมการป้องกันโรคและผลลัพธ์ทางสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีภาวะก่อนเบาหวาน กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุที่มีระดับน้ำตาลในเลือด (หลังงดอาหาร) ระหว่าง 100–125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง กลุ่มละ 23 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ ระยะเวลา 8 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบได้รับการดูแลตามปกติ เครื่องมือเก็บรวมรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพ ค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือ KR-20 เท่ากับ 0.71 แบบสอบถามพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวาน ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาค เท่ากับ 0.71 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติที ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมการป้องกันโรค และระดับน้ำตาลในเลือดดีกว่าก่อนทดลอง และดีกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงควรพิจารณาการประยุกต์โปรแกรมการทดลองในสถานบริการสุขภาพปฐมภูมิ เน้นการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมกับการเรียนรู้ที่บ้านผ่านโทรศัพท์แบบพกพา ซึ่งผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงง่าย เข้าใจง่าย และสอดคล้องกับวิถีชุมชน อันจะนำไปสู่การป้องกันการเกิดผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> สุภาสินี รัตตินทิวานนท์ นงพิมล นิมิตรอานันท์ ศศิธร รุจนเวช ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยคริสเตียน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-11 2025-12-11 31 4 39 54 การพัฒนาผลิตภัณฑ์พุดดิ้งใบเตยเพื่อสุขภาพ ด้วยการใช้ซูคราโลส เป็นสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลทราย https://he01.tci-thaijo.org/index.php/CUTJ/article/view/280222 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ลอดช่องไทยสู่การเป็นพุดดิ้งใบเตย และใช้ซูคราโลสเป็นสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลทราย เพื่อสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ขนมหวานต้นแบบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย เมื่อศึกษาชนิดและปริมาณของสารที่ทำให้เกิดเจล ประกอบด้วยเจลาติน และแคปปา-คาร์ราจีแนน ได้แก่ ร้อยละ 1.50 และ 2.00 w/w และการใช้เจลาตินร่วมกับแคปปา-คาร์ราจีแนนอย่างละ ร้อยละ 1.00 w/w พบว่าการใช้เจลาตินร่วมกับแคปปา-คาร์ราจีแนนอย่างละ ร้อยละ 1.00 w/w ทำให้ผลิตภัณฑ์พุดดิ้งมีคุณภาพทางกายภาพที่ดี คะแนนความชอบอยู่ในช่วง 7.14-7.80 ระดับชอบปานกลางถึงชอบมาก เมื่อศึกษาปริมาณการใช้สารซูคราโลสทดแทนน้ำตาลทราย (ร้อยละ 25, 50, 75 และ 100 ของปริมาณน้ำตาลทรายที่ใช้ในสูตร) ในพุดดิ้งใบเตย พบว่าปริมาณการใช้ซูคราโลส ร้อยละ 50 ของปริมาณน้ำตาลทรายที่ใช้ในสูตร อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ของผู้บริโภคที่มีต่อคุณภาพทางเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ คุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาได้ ประกอบด้วยปริมาณโปรตีน ไขมัน เถ้า คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยอาหาร มีค่าเท่ากับ 4.08, 9.29, 0.29, 13.98 และ 0.08 กรัมต่อ 100 กรัม ตามลำดับ โดยการลดปริมาณน้ำตาลทราย ส่งผลให้พลังงานทั้งหมด (Total energy) และพลังงานจากไขมัน (Energy from fat) ลดลง 1.14 และ 1.17 เท่า ตามลำดับ เมื่อศึกษาอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ พบว่าคุณภาพทางจุลินทรีย์เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ่์ชุมชนเยลลี่อ่อน (มผช. 519/2547) สามารถเก็บรักษาในตู้เย็น (4.00±2.00 องศาเซลเซียส) เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 7 วัน ผลิตภัณฑ์ต้นแบบนี้จึงมีศักยภาพในการยกระดับขนมไทยให้อยู่ในรูปแบบที่ทันสมัย และเป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้บริโภคในปัจจุบัน</p> กฤษณธร สาเอี่ยม ปัทมา หิรัญโญภาส จิราพร วีณุตตรานนท์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยคริสเตียน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-11 2025-12-11 31 4 55 72 โมเดลความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความสามารถด้านนวัตกรรม และผลการดำเนินงานของบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทย https://he01.tci-thaijo.org/index.php/CUTJ/article/view/280610 <p>การวิจัยเชิงปริมาณนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาโมเดลความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความสามารถด้านนวัตกรรม และผลการดำเนินงานของบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นผู้บริหารบริษัทประกันวินาศภัยจำนวน 384 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสอบถามภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความสามารถด้านนวัตกรรม และผลการดำเนินงานของบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทย มีค่าสัมประสิทธิ์ครอนบาคแอลฟา เท่ากับ 0.94 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เส้นทาง ผลการวิจัยพบว่า โมเดลความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความสามารถด้านนวัตกรรม และผลการดำเนินงานของบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทยมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (χ²/df = 1.15, GFI = 0.98, AGFI = 0.96, RMSEA = 0.02, RMR = 0.01, CFI = 0.99, p-value = 0.25) ผลการวิเคราะห์เส้นทางพบว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงส่งผลโดยตรงต่อผลการดำเนินงาน (β = 0.42, p &lt; 0.05) ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถด้านนวัตกรรม (β = 0.68, p &lt; 0.01) ความสามารถด้านนวัตกรรมส่งผลโดยตรงต่อผลการดำเนินงาน (β = 0.50, p &lt; 0.05) และภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงส่งผลทางอ้อมต่อผลการดำเนินงาน โดยผ่านความสามารถด้านนวัตกรรม (β = 0.76, p &lt; 0.05) จากผลการวิจัย ผู้วิจัยเสนอแนะว่าควรพัฒนาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมศักยภาพด้านนวัตกรรม เพื่อยกระดับผลการดำเนินงานของบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทย</p> ชัยรัตน์ ไกรรอด ชิษณุพงศ์ ทองพวง ปภากร สุวรรณธาดา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยคริสเตียน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-11 2025-12-11 31 4 73 87